posttoday

Mensooree Okinawa (4)

21 ตุลาคม 2561

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปพิชิตพื้นที่ทางตอนเหนือสุดของเกาะโอกินาว่ากัน

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปพิชิตพื้นที่ทางตอนเหนือสุดของเกาะโอกินาว่ากัน ซึ่งยังไม่ค่อยนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากการเดินทางที่ยาก และระบบขนส่งสาธารณะยังเข้าไม่ถึง จึงยังเป็นพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกสดใหม่แถมทั้งยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้ค้นหาอีกมากมาย Yanbaru คือชื่อเรียกบริเวณทางตอนเหนือของโอกินาว่า คำนี้มาจากการผสมคันจิ 2 ตัว คือ ภูเขา และดั้งเดิม บ่งบอกถึงภูมิศาสตร์ของพื้นที่ดังกล่าว ที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและป่าไม้ริมทะเล ตั้งอยู่ในภูมิอากาศเขตร้อน จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์รวมถึงสัตว์แปลกๆ ที่สามารถพบเห็นได้ในบริเวณพื้นที่นี้เท่านั้น และเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2559 ที่ผ่านมา พื้นที่ยันบารุก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 33 ของญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการอีกด้วย

Mensooree Okinawa (4)

การเดินทางของเรายังคงใช้บริการ One Day Tour ของ Hiphop Bus เจ้าเดิม วันนี้เราออกกันค่อนข้างเช้าเนื่องจากเส้นทางไปยังจุดเหนือสุดนั้นต้องใช้เวลากันพอสมควร จากเมืองนาฮะไปยังจุดหมายปลายทางแรกที่แหลมเฮโดะ (Hedo Misaki) ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 120 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า แหลมเฮโดะนั้นตั้งอยู่สุดปลายขอบทางตอนเหนือเกาะโอกินาว่า เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามและกว้างไกลสุดสายตาของมหาสมุทรแปซิฟิกที่มาบรรจบกับทะเลจีนตะวันออกได้จากบริเวณริมหน้าผาชายฝั่งทะเลที่อยู่ตรงหน้า พอหันกลับมาก็พบกับความสมบูรณ์ของธรรมชาติแบบเต็มร้อย ทั้งแนวภูเขา ป่าไม้ และน้ำทะเลสีครามที่กระทบกระแทกเข้ากับหินผา ก่อเกิดเป็นคลื่นเสียงอันทรงพลังแต่กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม เชื่อว่าใครที่ได้มาเห็นต้องหลงเสน่ห์ความงดงามของที่นี่แน่นอน และไม่เฉพาะเพียงแค่ภาพและเสียงเท่านั้น อากาศของที่นี่ก็ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ได้เช่นกัน เคยได้ยินโฆษณาสมัยเด็กว่า อากาศสดชื่นเหมือนยืนอยู่บนยอดเขา ตอนนั้นไม่เข้าใจ จนได้มีโอกาสมาญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เฮ้ย! ทำไมสูดหายใจแล้วมันเต็มปอดขนาดนี้ ที่แหลมเฮโดะนี่ก็เป็นจุดหนึ่ง ที่ให้ความรู้สึกหายใจได้เต็มปอดเช่นกัน สูดอากาศกันจนชื่นมื่นแล้วก็ได้เวลาเคลื่อนตัวออกไปยังจุดหมายปลายทาง ที่มีชื่อเสียงเพราะเป็นขุมพลังจากธรรมชาติ

Mensooree Okinawa (4)

นั่งรถจากแหลมเฮโดะเพียง 5 นาที ก็มาถึงยังหมุดหมายของวันนี้ หากท่านอยากสัมผัสกับความเป็นยันบารุ อย่างถึงที่สุด แนะนำว่าต้องไม่พลาดการมาเยือน Daisekirinzan ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ Ashimui ซึ่งชาวโอกินาว่าเชื่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่า ที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ที่สุดของโอกินาว่าที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพเจ้า พื้นที่แถบนี้ประกอบไปด้วยยอดเขาหินปูนสี่ยอด ที่ถูกกัดเซาะจากสายลมแสงแดดเป็นเวลานานกว่า 200 ล้านปี จนกระทั่งมาถึงสมัยราชวงศ์ริวกิว ผู้ปกครองอาณาจักรจะเดินทางมาที่นี่ เพื่ออธิษฐานขอพรให้อาณาจักรริวกิว มีความมั่งคั่งจากการค้าขาย มีความอุดมสมบูรณ์จากการเก็บเกี่ยว และปลอดภัยจากภัยพิบัติทางทะเล ความเชื่อแบบนี้ได้ตกทอดมาถึงปัจจุบันว่า ทั่วทั้งบริเวณนี้มีจุด Power Spot หรือพลังจากธรรมชาติสะสมอยู่ คนญี่ปุ่นนิยมไปแสวงหาจุดรับพลังธรรมชาติแบบนี้กันนานแล้ว มีจุดรับพลังแบบนี้เยอะมาก ผมเคยไปมาหลายแห่ง แต่ละแห่งดูมีพลังแอบแฝงอยู่จริง แต่ไม่ได้ลี้ลับหรือมีสิ่งซ่อนเร้น เป็นเรื่องของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่มากกว่า ยกตัวอย่างเช่น ก้อนหินขนาดใหญ่บนยอดเขา ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนโดดเดี่ยวกลางป่า เนินกว้างบนพื้นราบที่แสงส่องถึงตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมานานหลายร้อยหลายพันปี ย่อมสะสมพลังงานของธรรมชาติและจักรวาลไว้อย่างยาวนาน มนุษย์เราที่มีอายุขัยไม่ถึงร้อยปี เมื่อไปยืนในตำแหน่งแห่งที่ของสิ่งเหล่านี้ จึงเหมือนการนำถ่านชาร์จก้อนเล็กๆ ที่ไปเสียบยังแท่นชาร์จพลังงานขนาดใหญ่นั่นเอง

Mensooree Okinawa (4)

กิจกรรมในวันนี้คือการเดินเขา ซึ่งที่นี่ก็จะมีแผ่นพับแนะนำสถานที่ให้กับเรา ในแผ่นพับมีแผนที่เส้นทางเดินเขารวมอยู่ด้วย ซึ่งจะบอกทั้งระยะทางและตำแหน่งที่น่าสนใจ รวมถึงแนะนำด้วยว่าตรงไหนเป็นจุดรับพลังงานธรรมชาติ เส้นทางมีให้เลือกเดินทั้งแบบสั้นและจัดเต็ม ไหนๆ ก็มายากแล้ว ขอเลือกเส้นทางยาวและครอบคลุมทั่วบริเวณได้มากที่สุด จะได้เก็บสะสมพลังงานกันให้เต็มประจุ โดยจะใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที มีไกด์ของพื้นที่เป็นผู้นำทางและให้ความรู้ตลอดเส้นทาง เมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆ สองข้างทางเป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีเสียงนกร้อง มีต้นไม้แปลกตามากมาย แต่ก็แอบมีบรรยากาศคล้ายกับเดินอยู่ในป่าของบ้านเราอยู่เช่นกัน อาจเป็นเพราะสภาพป่าไม้แบบร้อนชื้นของแถบนี้ประกอบกับอากาศที่ร้อนเหมือนกันนั่นเอง แต่สิ่งที่เห็นและแตกต่างจากบ้านเราก็คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่แต่งองค์ทรงเครื่องมาจับแมลง มีทั้งผู้ใหญ่ คนสูงอายุ คู่รัก วัยรุ่น ไปจนถึงเด็กตัวเล็กตัวน้อย ก็มากันไม่น้อย เป็นการเดินป่าที่คึกคักที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาก็ว่าได้

Mensooree Okinawa (4)

ตลอดเส้นทางเจ้าหน้าที่คอยแนะนำให้เราดูนี่โน่นนั่นกันไปเรื่อยๆ จนเมื่อออกจากเขตป่ามาเจอภาพตรงหน้า เป็นลานหินขนาดใหญ่สีขาว กลุ่มหินกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ และตรงกลางมีหินก้อนใหญ่รูปร่างเหมือนกอริล่ากำลังนั่งเฝ้ามองเราอยู่ เป็นความอลังการของธรรมชาติที่สะกดสายตาเราไว้ได้นานเลยทีเดียว เส้นทางบังคับให้ต้องไต่ขึ้นไปบนกลุ่มหิน จนสุดทางเดินก็จะพบกับจุดชมวิวทะเล Churaumi และเมืองชายฝั่ง เป็นจุดที่ได้พักกายและใจไปกับการทอดตามองความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ยังไม่จบแค่นี่นะครับ หลังพักขากันแล้วเรายังต้องเดินต่อไปยังจุดรับพลังที่มีชื่อเสียงที่สุดและสวยที่สุดของที่นี่ เป็นกลุ่มต้นไทรที่แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นบริเวณกว้างสร้างความร่มรื่นให้กับพื้นที่ มีม้านั่งกระจายอยู่รอบๆ ลานใต้ต้นไทร เพื่อให้นักเดินทางนั่งรับพลังจากธรรมชาติ ทำให้ผมนึกถึงแอนิเมชั่นของฝรั่งเรื่อง Avarta ขึ้นมาทันที นึกถึงชนเผ่านาวีแห่งดาวแพนโดร่า ที่ใช้ชีวิตผูกพันอยู่กับธรรมชาติ และธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะพลังแห่งธรรมชาติคือพลังที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน การรับพลังธรรมชาติเข้าสู่ร่างกาย จึงเหมือนการได้บำบัดทั้งภายนอกและภายในจิตใจเรานั่นเอง