posttoday

ซัยยิดซูลกิฟลี ไซห์ฮามิ เชฟรุ่นใหม่ใส่ใจทุกรายละเอียด

21 กันยายน 2561

เมนูอร่อยจากเชฟไทยมุสลิมเชื้อสายปากีสถาน วัย 29 ปี

เรื่อง วรธาร ทัดแก้ว ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี 

ครั้งแรกที่มีโอกาสได้ชมฝีมือการปรุงอาหารของเชฟไทยมุสลิม บอกได้คำเดียวว่าทึ่งกับอาหารที่เชฟได้รังสรรค์ออกมาอย่างประณีตบรรจง ด้วยสีสันหน้าตาเมนูรู้สึกได้เลยว่าเจริญตาเจริญใจและน่ากินขนาดไหน แต่ก่อนไปรู้จักเมนูสุดครีเอทีฟของเชฟ มาทำความรู้จักเชฟหนุ่มไฟแรงคนนี้สักหน่อย

ซัยยิดซูลกิฟลี ไซห์ฮามิ หรือ เชฟยิส เป็นเชฟไทยมุสลิมเชื้อสายปากีสถาน วัย 29 ปี เรียนจบด้านการทำอาหารจาก Sydney TAFE College ประเทศออสเตรเลีย จากนั้นทำงานในโรงแรม ภัตตาหาร และร้านอาหารฮาลาลหลายแห่งที่ออสเตรเลียเป็นเวลา 5 ปี ก่อนจะเดินทางกลับเมืองไทย และได้ร่วมงานกับโรงแรม อัล มีรอซ (Al Meroz) โรงแรมฮาลาลระดับ 4 ดาว ที่รามคำแหง ซอย 5

“หลังจากเรียนจบ ม.6 ผมได้เดินทางไปซิดนีย์ เพราะมีญาติอยู่ที่นั่น เพื่อไปเรียนปรับภาษาอังกฤษที่สถาบัน Sydney TAFE College เป็นเวลา 1 ปี โดยช่วงที่เรียนภาษานั้นได้ทำงานพาร์ตไทม์เป็นลูกมือช่วยงานครัวในร้านอาหารไปด้วย ทำให้เกิดความชอบในการทำอาหารขึ้นมา

ซัยยิดซูลกิฟลี ไซห์ฮามิ เชฟรุ่นใหม่ใส่ใจทุกรายละเอียด

พอเรียนภาษาครบ 1 ปี ก็เลือกเรียนทำอาหารหลักสูตร 2 ปีครึ่ง เรียนอาหารนานาชาติทั้งอาหารยุโรปและอาหรับ หลังเรียนจบก็ได้ทำงานต่อที่ออสเตรเลียเป็นเวลา 5 ปี ในห้องอาหารโรงแรมและร้านอาหารหลายแห่ง ทั้งร้านอาหารอิตาเลียน ร้านอาหารอาราเบียน หรืออาหรับ และร้านอาหารไทย เพื่อต้องการเรียนรู้และหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในการทำอาหารให้มีความหลากหลาย

สำหรับผมถนัดอาหารยุโรป เช่น อาหารฝรั่งเศส อิตาเลียน และอาหารอาราเบียน ส่วนอาหารไทยก็ทำได้แต่ไม่ค่อยได้ทำ โดยเฉพาะอาหารสไตล์อาราเบียนนั้นความน่าสนใจของมันอยู่ที่เครื่องเทศและวัตถุดิบหลากหลาย กรรมวิธีการปรุงก็มีความพิเศษแตกต่างและน่าทึ่งเสมอ”

เชฟยิสเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ออสเตรเลียนานถึง 8 ปี ก็คิดว่าเป็นเวลาสมควรที่จะกลับบ้าน ปี 2559 จึงเดินทางกลับประเทศไทย และเป็นความโชคดีที่ตอนนั้นโรงแรมอัล มีรอซ ซึ่งมีความเป็นเลิศทางด้านอาหารอาหรับและนานาชาติกำลังจะเปิดให้บริการ เขาจึงมาสมัครเป็นหนึ่งในทีมเชฟของโรงแรม

“ที่ผ่านมาผมมีประสบการณ์ทำงานในโรงแรมและร้านอาหารฮาลาลมาตลอด ตั้งแต่อยู่ออสเตรเลีย ดังนั้นการได้ทำงานที่อัล มีรอซ จึงรู้สึกถูกจริตผมมาก ยิ่งทำยิ่งสนุก อีกอย่างอาหารของโรงแรมก็เป็นอาหารในสไตล์ที่ผมถนัด ซึ่งผมสามารถรังสรรค์เมนูได้อย่างเต็มที่”

ซัยยิดซูลกิฟลี ไซห์ฮามิ เชฟรุ่นใหม่ใส่ใจทุกรายละเอียด

ปัจจุบันเขาเป็นชูส์เชฟประจำห้องอาหารดีวาน (Divan) ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติที่มีทั้งอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง ตะวันออกกลาง และห้องอาหารบารากัต (Barakat) ห้องอาหารที่ผสมผสานความงามสไตล์อาราเบียนและเมดิเตอร์เรเนียนเข้าด้วยกัน บรรยากาศสุดหรูทั้งโดดเด่นด้วยการนำเสนออาหารในรูปแบบอาร์ติชานฟู้ด (Artisan Food) คือ ปรุงแต่งอย่างละเมียดละไมประหนึ่งงานศิลปะ บริการแบบครัวเปิด ทำให้ได้สัมผัสกลิ่นหอมของอาหารที่เย้ายวนใจ ปลุกรสสัมผัสให้รู้สึกเจริญอาหาร

“ทุกจานก่อนนำเสิร์ฟ ผมจะสร้างสรรค์ด้วยความละเมียดละไมและใส่ใจทุกรายละเอียดเสมอ และไม่ลืมที่จะสร้างอรรถรสในการรับประทานอาหารของลูกค้าให้เอร็ดอร่อยมากยิ่งขึ้น ด้วยการพรีเซนต์เมนูอาหารให้ลูกค้าได้รู้ถึงที่มา แนวคิด ตลอดจนวัตถุดิบและกรรมวิธีการปรุง ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าอีกทางหนึ่ง”

สำหรับเมนูประจำห้องอาหารบารากัต ที่เชฟยิสอยากนำเสนอ ก็คือ “ข้าวหมกล็อบสเตอร์” (Maine Lobster Biryani) ซึ่งถือว่าแตกต่างร้านทั่วไป ที่มักจะเสิร์ฟข้าวหมกไก่ หรือข้าวหมกแพะ แต่ที่บารากัตเป็นข้าวหมกเครื่องเทศรสชาติพิเศษ ที่นำข้าวบาสมาติข้าวชั้นเยี่ยมจากอินเดีย ลักษณะเม็ดเรียวยาว ร่วน มีความนุ่มอร่อย มาปรุงแต่งเป็นอาหารจานเด็ด เสิร์ฟพร้อมกับผักดอง โยเกิร์ต ซอสมินต์ และหอมเจียว ถือเป็นสุดยอดเมนูที่อร่อยและมีความลงตัวในทุกเครื่องเคียง

อยากรู้ว่าอร่อยแค่ไหนต้องไปชิมด้วยตัวเอง แต่ถ้าอยากทำเองเชฟก็มีสูตรมาฝาก