posttoday

ถิ่นใต้ หัวใจเก่า แต่ความรู้สึกใหม่

23 มิถุนายน 2561

จะออกตัวว่าเป็นคนใต้แท้ก็ไม่หาญกล้า เพราะย้ายมาร่ำเรียนที่เมืองหลวงและอยู่กรุงเก่าบ้านเกิดคุณแม่

โดย /ภาพ : บงกชรัตน์ สร้อยทอง

จะออกตัวว่าเป็นคนใต้แท้ก็ไม่หาญกล้า เพราะย้ายมาร่ำเรียนที่เมืองหลวงและอยู่กรุงเก่าบ้านเกิดคุณแม่ นานทีถึงได้กลับถิ่นใต้บ้านเกิดคุณพ่อ พอได้โอกาสจึงขนทัพญาติพี่น้องเมืองกรุงเก่าไปเยี่ยมบ้านฝั่งพ่อที่หัวเมืองอันดามัน โดยตั้งใจไว้ว่าจะขับรถล่องใต้แวะเยือนวันละจังหวัด ไปในที่ที่ไม่เคยไป และไปตระเวนกินอาหารใต้ตามใจเรียกร้อง

ประตูบานแรกของภาคใต้คือ ชุมพร ที่นอกจากจะไปสักการะและเคารพกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เราตั้งใจจะกลับไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านยายปวด ร้านอาหารธรรมดาแต่รสชาติเด็ดดวงจนชาวคณะให้คะแนนความฟินเต็มขีด และเมื่อเติมพลังงานเต็มที่ก็มุ่งหน้าไปสู่ สุราษฎร์ธานี โดยจุดแรกจะไปสัมผัสธรรมชาติที่ ป่าต้นน้ำ บ้านป่าน้ำลาด อ.คีรีรัฐนิคม ซึ่งเวลาที่ไปถึงเรียกว่าทันแบบฉิวเฉียดทันเวลาปิดตอน 18.00 น.

ความที่เราเป็นก๊วนสุดท้ายของวัน ทำให้บ้านป่าน้ำลาดร้างผู้คน สามารถยกกล้องถ่ายรูปเก็บวิวได้แบบเอ็กซ์คลูซีฟ มองเห็นบ่อกว้างน้ำใสขนาดใหญ่แบบไม่มีใครบดบังสายตา และสามารถเลือกที่นั่งเล่นแกว่งขาในน้ำดูฝูงปลาเล็กปลาน้อยว่ายไปมาประหนึ่งว่าเป็นสระว่ายน้ำของตัวเอง

ถิ่นใต้ หัวใจเก่า แต่ความรู้สึกใหม่ แม้แดดจะแรงเท่าไร นักท่องเที่ยวก็ไม่ย่อท้อต่อวิวอ่าวพังงาที่เสม็ดนางชี

ป่าต้นน้ำ ในความหมายของตัวมันเองบ่งบอกถึงการก่อเกิดน้ำบริสุทธิ์ และความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ซึ่งก็เป็นอย่างที่เห็นตำตา เพราะน้ำที่ซึมออกมาใสกิ๊งและบริสุทธิ์ ดังนั้นเมื่อมาเยี่ยมเยือนเขาแล้ว ก็อย่าได้ขุ่นข้องหมองใจกับกฎเกณฑ์ที่กำหนดอย่างเคร่งครัดว่า ห้ามนำสิ่งของใดๆ เข้าไป เว้นเพียงแต่เสื้อผ้าของเราเท่านั้น ภาพที่เห็นจึงไม่มีถุงพลาสติก เศษอาหาร กระดาษ แชมพู หรือสัตว์เลี้ยง เพราะหากเราทำให้เกิดขยะและสิ่งสกปรกตั้งแต่ต้นน้ำ แล้วคนปลายน้ำจะมีน้ำสะอาดใช้กันได้อย่างไร

สำหรับเส้นทางการเดินทางจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีไปบ้านป่าน้ำลาด ใช้ทางหลวงหมายเลข 401 มุ่งหน้าไปยัง อ.คีรีรัฐนิคม ระยะทางประมาณ 70 กม. เมื่อถึงสี่แยกไฟแดง อ.คีรีรัฐนิคม ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ต.บ้านทำเนียบ มุ่งหน้าไปยังบ้านน้ำลาด ระยะทางประมาณ 10 กม. ก่อนถึงจุดหมายประมาณ 4 กม. ทางจะเป็นลูกรัง ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่จากนั้นเดินเท้าเข้าไปอีกนิดหน่อยประมาณ 200 เมตร ก็จะได้พบกับอันซีนเมืองใต้

จากสุราษฎร์ฯ มุ่งหน้าลงใต้ต่อไปที่เมืองร้อยเกาะ จ.กระบี่ โดยตั้งใจว่าจะไปเล่นน้ำที่สระมรกต แต่ต้องกลับหลังหันเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวล้นหลาม โดยเฉพาะชาวจีนที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงได้เปลี่ยนใจหันหน้าไปที่ป่าพรุท่าปอมคลองสองน้ำ ทว่าความตั้งใจก็ถูกสกัดซ้ำสอง เพราะฝูงชนเต็มท่าปอม ต้องเปลี่ยนทิศทางลมไปหาท้องทะเลที่คุ้นเคยแทน

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา คือเป้าหมาย แต่ไม่ใช่ไปเพื่อขึ้นเรือทัวร์พีพี เราแค่อยากไปเล่นน้ำ นั่งรับลม สูดกลิ่นทะเล และเดินรอเวลาน้ำลงเพื่อเดินไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าหาดชื่อ เกาะเขาปากคลอง แต่เดิมชาวบ้านจะเรียกพื้นที่ตรงนี้ว่าหาดคลองแห้ง เพราะในช่วงเวลาที่น้ำลงจะแห้งขอดจนสามารถมองเห็นหาดทรายขาวยาวเหยียดที่ทอดตัวลงไปในทะเลบรรจบกับเกาะหน้าหาดนพรัตน์ธาราได้

เกาะเขาปากคลองมีเกาะเล็กๆ อยู่ 3 เกาะที่สามารถเดินเชื่อมถึงกัน พร้อมชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตก เรือประมงลำน้อยเข้าฝั่ง และเห็นชาวประมงกำลังเลือกเอาลูกปลาและสัตว์ทะเลต่างๆ ออกจากแหที่ชักมาปล่อยคืนสู่ทะเล

ถิ่นใต้ หัวใจเก่า แต่ความรู้สึกใหม่

จำได้ว่าเราเคยมาที่หาดคลองแห้งตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยเจอเกาะรูปหัวใจอย่างที่เห็นตรงหน้าในวันนี้ ที่ผ่านมาอาจจะเป็นเพียงเด็กที่เที่ยวเล่นสนุก แต่พอโตเหมือนเราได้ใช้ความละเมียดและสำรวจสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวมากขึ้น

เมื่ออิ่มหนำกับบรรยากาศเมืองกระบี่จนแสงสุดท้าย รถได้มุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไปที่ จ.พังงา จังหวัดที่บริบูรณ์ด้วยทรัพยากรอย่างพังงาทำให้เราได้สัมผัสกับความรู้สึกใหม่ และครั้งนี้ยังรู้สึกได้ว่าพังงาเป็นจังหวัดที่มีอะไรน่าค้นหากว่าที่เคยพบเจอ

จากแต่ก่อนคิดว่าพังงาเป็นแค่เมืองเงียบหรือเมืองผ่านไปภูเก็ต แต่วันนี้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งซ่อนเร้นที่ซุกซ่อนอยู่ โดยเฉพาะช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมามีการพบสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เพิ่มขึ้น พังงาไม่ได้มีเพียงถ้ำพุงช้างที่เป็นสัญลักษณ์ ไม่ได้มีแค่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ เขาตะปู หรือย่านเขาหลัก แต่ยังมีวิวระดับชาติที่ เสม็ดนางชี อันซีนที่เพิ่งมาฮอตได้ 1-2 ปีนี้ จนมีบูติกโฮเทลเกิดขึ้น และล่าสุด แจ็กสัน หวัง นักร้องเกาหลีวง GOT7 ก็ใช้วิวนี้เป็นฉากหลังในเอ็มวี

เส้นทางจาก อ.ตะกั่วทุ่ง ไปเสม็ดนางชี ให้ใช้เส้นทางไปยังบ้านท่าอยู่ สังเกตสะพานลอยก่อนถึงทางเข้าบ้านท่าอยู่ให้ดี ตรงนั้นจะมีซอยเล็กๆ ให้เลี้ยวเข้าไป ขับตรงไปผ่านสวนยางสวนปาล์มประมาณ 13 กม. จะถึงจุดจอดรถ เหตุที่ต้องจอดรถไว้ เพราะห้ามนักท่องเที่ยวขับรถขึ้นไปเอง เนื่องจากทางมีความสูงชันมาก ถ้าฝนตกจะทำให้ถนนลูกรังลื่นกว่าเดิมหลายเท่าจึงต้องอาศัยคนในพื้นที่จะดีที่สุด ค่าบริการขึ้นและลงเฉลี่ยครั้งละ 40-45 บาท/คน หรือใครจะเดินขึ้นไปชมเองก็สามารถทำได้ แต่ต้องใช้กำลังแรงกายและแรงใจที่เข้มแข็งไม่น้อย

วิวพาโนรามาธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นนี้ ใครๆ ก็ขึ้นมาสัมผัสแบบไปกลับได้ หรือหากใครต้องการพักค้างคืนแบบฮิปส์ๆ เพื่อชมทะเลดาวตอนกลางคืน ชมทางช้างเผือกช่วงตี 3 ตี 4 ชมทะเลหมอกทั่วอ่าวพังงาที่อยู่ตรงหน้า หรือชมพระอาทิตย์ดวงกลมโต
โผล่จากท้องทะเลรับเช้าวันใหม่ พร้อมกับแสงสีส้มที่สะท้อนกับน้ำทะเล

ถิ่นใต้ หัวใจเก่า แต่ความรู้สึกใหม่ สีสันชุมชนย่านเมืองเก่าที่ภูเก็ต

พังงายังทำให้ประทับใจอีกครั้งเมื่อได้ไปเยือนบริเวณหาดนาใต้หรือ หาดทะเลเขาปิหลาย อ.โคกกลอย ซึ่งถือว่าอยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณพ่อเลย ส่วนตัวเพิ่งไปแถวนี้ได้ 2-3 หน โดยก่อนหน้านี้ได้รับเพียงข้อมูลว่า มีชาวต่างชาติมาปลูกบ้านพักที่บริเวณหาดาใต้ แม้ทะเลจะเล่นเต็มแรงไม่ได้ เพราะเหมาะกับการทำประมงเป็นหลัก แต่ยังพอมีแนวหินให้ดำน้ำ และมีความเงียบสงบมาก ครั้งนี้จนได้ไปเห็นกับตาว่าเริ่มมีรีสอร์ทและโรงแรมเริ่มก่อสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม หาดทะเลเขาปิหลาย ก็ยังเห็นวิถีชีวิตชุมชน เด็กๆ เล่นน้ำ ชาวประมงกำลังเก็บอุปกรณ์ และสาวมุสลิมที่ผลัดกันถ่ายภาพรอชมพระอาทิตย์ตกเช่นเดียวกับเรา

สัญลักษณ์ของที่นี่คือ สะพานไม้เก่าหาดเขาปิหลาย สะพานเก่าที่ทิ้งร่องรอยแห่งความเจริญรุ่งเรือง เหลือให้เห็นเพียงโครงสร้างสะพานที่ในอดีตเคยถูกใช้งานในการขนแร่ ถ้าหากจับมุมภาพดีๆ และก้อนเมฆไม่แกล้งเราก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกลอดช่องไม้ที่ปักอยู่ในทรายและมีคลื่นทะเลซัดสาด แม้จะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าดวงสีส้มโตจนจมมิดลงทะเลไป แต่ภาพที่สัมผัสมันช่างสวยงามจับใจไม่น้อย

สิ่งที่พบเจอใหม่ทำให้เห็นว่าจริงๆ แล้ว ธรรมชาตินั้นล้วนอยู่รอบตัวเราทุกวัน เพียงแต่จะออกเดินทางไปหามากน้อยขนาดไหน สิ่งที่มีอยู่คือการมีอยู่ แต่หลายครั้งเราอาจจะไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจในรายละเอียดที่อยู่รอบตัวมากน้อยขนาดไหน ทว่าอีกส่วนมาจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ของเราที่มากขึ้น จนทำให้เห็นได้ว่าที่ผ่านมาเราละเลยรายละเอียดในชีวิตประจำวัน หรือสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยไปมากขนาดไหน

ส่วนจังหวัดสุดท้ายที่ไปเก็บตกคือ ชุมชนย่านเมืองเก่า จ.ภูเก็ต นานมาแล้วที่ไม่ได้เดินเล่นเรื่อยเปื่อยเก็บภาพสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส ตื่นเต้นกับสีกำแพงตึกที่ชุมชนต่างปรับปรุงไว้รอรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีลวดลายจิตรกรรมบนอาคารที่เพิ่มขึ้นรอรับไปแชะเก็บเป็นที่ระลึกไว้ แถมมีร้านกาแฟสไตล์เก๋ไก๋ให้แวะดื่มคลายร้อน

ถิ่นใต้ หัวใจเก่า แต่ความรู้สึกใหม่ วิวสวยงามแห่งท้องทะเลอันดามัน

ทริปนี้ถือว่าภารกิจสมบูรณ์ แต่ละคนได้เที่ยวที่ใหม่และสัมผัสกับความรู้สึกใหม่ โดยเฉพาะอาหารการกินแบบคนท้องถิ่นที่จัดเต็มไปหลายร้านทั้งเมนูแกงส้ม (แกงเหลือง) ผัดกะปิสะตอกุ้ง ทอดปลาเห็ด (ทอดมัน) ห่อหมกกรุ่นกลิ่นพริกแกงแสบร้อนถึงใจ เอาเป็นว่าครบเครื่องทั้งในรูปแบบน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น และความสดใสเก็บไว้เป็นแบตเตอรี่สำรองกลับไปชาร์จตัวเองต่อเมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ