posttoday

ตั้งรัฐบาล66: ชวนแจงปมพูดอย่าก้าวก่ายกดดันโหวตนายกฯไม่ได้หมายถึงพิธา

17 พฤษภาคม 2566

'ชวน หลีกภัย'ไม่สบายใจถูกสื่อความหมายผิด ปมอย่าก้าวก่ายพรรคอื่นกดดันโหวตนายกฯไม่ได้หมายถึง"พิธา" ส่วนข่าวที่ระบุว่าประชาธิปัตย์จะร่วมแต่กับประยุทธ์เท่านั้นก็เป็นการบิดเบือนให้ผิดไปจากข้อเท็จจริง

นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา  และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ชี้แจงกรณีมีการนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เกี่ยวกับท่าที การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ที่กลายเป็นประเด็นถูกพาดหัวข่าวเชื่อมโยงจนเกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการพาดพิงไปถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล  

โดยยืนยันว่าประเด็นที่ตนเองพูดถึงว่าอย่าไปก้าวก่ายพรรคการเมืองอื่นเป็นการพูดถึงกระแสกดดันจากบุคคลบางกลุ่มที่เรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคอื่นๆ ตัดสินใจเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้ แต่ละพรรคมีกระบวนการพิจารณา ตามขั้นตอนของแต่ละพรรคอยู่แล้ว ไม่ต้องมีใครแนะนำหรือ มากดดัน เพราะการตัดสินใจในนามพรรคต้องมีมติพรรคมีความรับฟังความเห็นของผู้บริหารพรรค

อีกทั้งเรื่องนี้ นายพิธา ก็ไม่ได้เป็นผู้กดดัน และไม่ได้เป็นกลุ่มคนที่หมายถึงและไม่มีประเด็นอะไรต้องไปวิจารณ์ ที่ผ่านมาก็ได้แสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกล ที่ชนะเลือกตั้งมาได้โดยไม่มีข้อครหาเรื่องซื้อเสียง จึงขอประชาชนว่าอย่าวิจารณ์หรือใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่คลาดเคลื่อน 

เช่นเดียวกับกรณีที่สื่อโซเชี่ยลมีเดีย บางสื่อ มีการใช้ภาพและข้อความว่า ไประบุว่า “จะร่วมเเต่กับประยุทธ์เท่านั้น พรรคอื่นเป็นโจรหมดในสายตาชวน”  ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และมีเจตนาให้เกิดความเข้าใจผิด จนสร้างความเสียหายให้แก่ตนเองและพรรคประชาธิปัตย์  

ซึ่งข้อเท็จจริง ตนเองปราศรัยบนเวทีพรรคประชาธิปัตย์ ที่วงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 23 เมษายน ในเชิงหลักการว่าพรรคการเมืองที่มีความเป็นสถาบันอย่างประชาธิปัตย์ต้องพร้อมที่จะเป็นทั้งรัฐบาลเเละฝ่ายค้าน

โดยระบุว่า “เราอย่าไปคิดว่าจะเป็นรัฐบาลอย่างเดียว เราต้องพร้อมเป็นฝ่ายค้านด้วย ไม่ใช่ว่าพระมาชวนร่วมรัฐบาลก็ต้องเชื่อตามพระ หรือโจรชวนไปร่วมรัฐบาลก็ไปร่วมกับโจร เพราะการจะไปร่วมรัฐบาลเราต้องมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” 
ไม่ได้เป็นการพาดพิงไปถึงใครว่าเป็นรัฐบาลโจร หรือใครเป็นพระ ตามที่มีการตีความหมายกัน 

นายชวน ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจกับข้อมูลข่าวสารที่คลาดเคลื่อนจนตกเป็นเหยื่อวิพาษ์วิจารณ์ รวมถึงมีคนนำข้อความบิดเบือนเหล่านี้ไปแสวงหาประโยชน์ กับความเห็นต่างของตัวเองทำให้เพิ่มความขัดแย้งในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง