ราคาทองคำมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย 5,000 ดอลลาร์ ในปี 2569 ช่วงพักฐานถือเป็นโอกาสสะสม
เมื่อราคาทองคำกำลังเล่นเกม "ใจสั่น" กับนักลงทุนทั่วโลก พุ่งแตะจุดสูงสุดเหนือ 4,380 ดอลลาร์ ก่อนทิ้งดิ่งต่ำกว่า 4,000 แล้วดีดกลับแบบสายฟ้า หลายคนอาจสงสัยว่านี่คือจุดจบ หรือจุดเริ่มต้นของรอบใหม่กันแน่ ? บล.บัวหลวงชี้ชัดย่อตัวครั้งนี้ไม่ใช่สัญญาณอันตราย แต่คือพักฐานเพื่อวิ่งต่อ ย้ำเป้าหมายทองคำ 5,000 ดอลลาร์ในปี 2569 ยังคงอยู่ครบ!
KEY
POINTS
- เมื่อราคาทองคำกำลังเล่นเกม "ใจสั่น" กับนักลงทุนทั่วโลก พุ่งแตะจุดสูงสุดเหนือ 4,380 ดอลลาร์ ก่อนทิ้งดิ่ง
- หลายคนอาจสงสัยว่านี่คือจุดจบ หรือจุดเริ่มต้นของรอบใหม่กันแน่ ?
- บล.บัวหลวง ชี้ย่อตัวครั้งนี้ไม่ใช่สัญญาณอันตราย แต่คือพักฐานเพื่อวิ่งต่อ ย้ำเป้าหมายทองคำ 5,000 ดอลลาร์ปี 2569 อยู่ครบ!
ข้อมูลจากทีม Wealth Research หลักทรัพย์บัวหลวง ระบุว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ราคาทองคำขยับขึ้น 3.5% จากเดือนก่อนหน้า แม้จะอยู่ในช่วงผันผวนและแกว่งตัวในกรอบกว้าง หลังราคาทะยานขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เหนือ 4,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
โดยระหว่างเดือนราคาย่อตัวลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ช่วงสั้นๆ ก่อนดีดกลับมาบริเวณ 4,145 ดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน นับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ทองคำยังทำผลงานโดดเด่นให้ผลตอบแทนเกือบ 60% ถือเป็นปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ 2522
แรงขายทำกำไรหลังราคาขึ้นแรงเป็นปัจจัยกดดันสำคัญ ขณะเดียวกันราคาทองคำเริ่มเคลื่อนไหวคล้ายสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เห็นได้จากการอ่อนตัวพร้อมตลาดหุ้นในบางช่วง รวมถึงภาวะ “ข้อมูลล่าช้า” หรือ Data Fog จากการปิดทำการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ นานถึง 6 สัปดาห์ ทำให้ตลาดไม่มั่นใจทิศทางการลดดอกเบี้ยเดือนธันวาคม ซึ่งจำกัด “โอกาสปรับขึ้นของราคา” ในช่วงสั้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายเดือน บรรยากาศการลงทุนกลับมาดีขึ้น หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณสนับสนุนการลดดอกเบี้ยจากความอ่อนแอในตลาดแรงงาน ทำให้ตลาดกลับมาคาดหวังอีกครั้ง โดยเครื่องมือ CME FedWatch ประเมินโอกาสลดดอกเบี้ยสูงถึง 80%
การพักฐานครั้งนี้คือการเตรียมขึ้นรอบใหม่ (Healthy Correction)
ทีม Wealth Research หลักทรัพย์บัวหลวง มองว่าการอ่อนตัวของราคาทองคำครั้งนี้เป็นเพียง “การพักฐานที่ดีต่อโครงสร้างตลาด” (Healthy Correction) เพราะช่วยลดความร้อนแรงจากแรงเก็งกำไร ขณะที่ภาพรวมแนวโน้มยังเป็น “ขาขึ้นระยะยาว”
เมื่อเทียบกับวัฏจักรใหญ่ในอดีต เช่น ช่วงปี 2519–2523 และ 2545–2554 พบว่ารอบปัจจุบันยังอยู่เพียง “กลางวัฏจักร” ไม่ใช่ช่วงท้าย จึงยังเป็นจังหวะที่เหมาะสำหรับทยอยสะสม โดยเป้าหมายราคาทองคำปี 2569 ยังอยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แรงหนุนสำคัญมาจาก
- ความต้องการทองคำเพื่อการลงทุนที่เพิ่มขึ้นมาก
- การกลับมาซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกอย่างแข็งแกร่ง
ความต้องการทองคำเพื่อการลงทุนเพิ่มสูงสุดในรอบหลายปี
กองทุน ETF ทั่วโลกกลับมาซื้อทองคำสุทธิตั้งแต่ต้นปี 2568 ปริมาณถือครองเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 433 ตัน ทำให้ยอดรวมแตะ 3,026 ตัน หลังขายต่อเนื่องมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แม้ราคาจะแกว่งตัวและย่อลงจากจุดสูงสุดประมาณ 10% แต่แรงขายใน ETF ยังอยู่ระดับต่ำมากเพียง 1.2% สะท้อนการถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ลงทุนที่แข็งแรง
ส่วนการซื้อทองคำแท่งและเหรียญในไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 316 ตัน สูงกว่า 300 ตันต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ 2556 ปรากฏการณ์ความต้องการพุ่ง เช่น ร้านทองในเวียดนามต้องจำกัดจำนวนชิ้นทองต่อผู้ซื้อ แสดงถึงพฤติกรรมใหม่ของนักลงทุนที่มองทองคำเป็น “สินทรัพย์จำเป็น” ที่ต้องมีติดพอร์ต
แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงแข็งแรง แม้ราคาทำสถิติสูงสุด
ไตรมาส 3/68 ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำสุทธิ 220 ตัน เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อนหน้า สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีถึง 6% แม้ราคาทองคำจะสูงเป็นประวัติการณ์ สะท้อนความต้องการเชิงยุทธศาสตร์ในระยะยาว เช่น การลดความเสี่ยงจากการถือดอลลาร์สหรัฐ และการกระจายทุนสำรอง
ไตรมาส 1–3 ของปีนี้มีการซื้อรวม 634 ตัน แม้จะต่ำกว่าช่วงยอดซื้อปี 2565–2567 แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
ผู้ซื้อหลักยังคงเป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ ได้แก่ จีน อาเซอร์ไบจาน ตุรกี คาซัคสถาน และโปแลนด์ ซึ่งโปแลนด์ซื้อสะสมมากที่สุดในปีนี้ถึง 67.1 ตัน และประกาศเปลี่ยนเป้าหมายสัดส่วนทองคำในทุนสำรองจาก 20% เป็น 30% สะท้อนความเชื่อมั่นต่อทองคำในยุคภูมิรัฐศาสตร์ผันผวน
สรุปภาพรวม ทองคำยังอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นระยะยาว
- การพักฐานในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 เป็นเพียง Healthy Correction
- ความต้องการลงทุนกลับมาอย่างมีนัย
- การซื้อทองคำแท่งและเหรียญยังแข็งแกร่ง
- ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงสะสมต่อเนื่อง
- ทองคำกำลังกลับมามีบทบาทสำคัญในระบบการเงินยุคเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
ด้วยปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ครบถ้วน ข้อมูลจากทีม Research หลักทรัพย์บัวหลวง ยังคงประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสขยับขึ้นต่อในปีหน้า
พร้อมย้ำเป้าหมายราคา 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2569 โดยมองว่าช่วงที่ราคาย่อตัวเป็นโอกาสสะสมเพื่อรับประโยชน์จากวัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ที่ยังไม่จบ
อย่างไรก็ดีอ่างอิงข้อมูลจาก บทวิเคราะห์ Cross Asset Strategy ตลาดหุ้นโลก ฉบับเดือนธันวาคม 2568


