posttoday

เลือกตั้ง66:กรณ์ ไม่เห็นด้วย นำเงินภาษีมาแย่งกันแจก ชี้ ไม่ใช่ช่วงวิกฤต

05 พฤษภาคม 2566

พรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ นครศรีธรรมราช ช่วยผู้สมัครหาเสียง มั่นใจปักธงภาคใต้ได้ เผย ประชาชนตอบรับนโยบายเศรษฐกิจ กรณ์ ตามซัดพรรคใหญ่ ไม่ใช่ช่วงวิกฤต อย่าเอาภาษีไปแข่งกันแจก ค้านกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ย้ำยุคนี้ต้องโอกาสนิยม ทำให้ประชาชนเข้มแข็ง

วันที่5พ.ค.นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมทีมงานเดินทางไปยัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอคะแนนสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 เบอร์ 12 นายนเรศ เกสรินทร์ (รัตนบุรี)  ที่มีคะแนนดีวันดีคืนจากผลสำรวจของพรรค โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ช่วงนี้เดินสายช่วยผู้สมัครภาคใต้ ตั้งแต่สุราษฎรธานี นครศรีธรรมราช แล้วไปต่อที่พัทลุง ภูเก็ต และชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้สมัครของเรามีการตอบรับที่ดีทั้งในอันดับที่ 1 และที่ 2 ซึ่งมีคะแนนก็เบียดแบบหายใจรดต้นคอกันประมาณ 5-6 เขต เชื่อว่าผู้สมัครของเราอย่างน้อย 3-5 คนต้องสามารถปักธงชัยที่ภาคใต้ได้อย่างแน่นอน  ตนก็มาให้กำลังใจและขอให้เดินหาเสียงอย่างมีความสุข 

“ประชาชนตอบรับนโยบายเศรษฐกิจเพื่อปากท้องของเรา พวกเขาสะท้อนว่าอยากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมาดูแลแก้ปัญหาให้กับเขา และค่อนข้างกังวลกับนโยบายประชานิยม โดยเฉพาะกลุ่มผู้เสียภาษี ที่กลัวว่าการจะนำเงินภาษีของเขามาใช้แบบนี้ มันเป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งในส่วนของพรรคชาติพัฒนากล้า เราเน้นสร้างโอกาส เราไม่เน้นลดแลกแจกแถมหรือใช้งบประมาณภาษีแต่อย่างใด การใช้เงินภาษี พูดเสมอว่าทำได้ ในยามวิกฤตแต่ในช่วงนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องการ คือต่อยอดโอกาสในการทำมาค้าขายของเขา ถ้าเป็นเกษตรกร เขาก็อยากเห็นนโยบายที่ทำให้ ราคาพืชผลของเขาสูงขึ้น ทำให้เขามีชีวิตที่มั่นคงด้วยตัวเขาเองมากขึ้น”นายกรณ์กล่าว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ขึ้นเวทีปราศรัยที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยกล่าวกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมรับฟังเป็นจำนวนมากว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราไม่เสนอนโยบายประชานิยม เราเป็นพรรคที่ส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่าโอกาสนิยม คือสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนให้สามารถทำมาหากินได้ แข่งขันได้ มีราคาพืชผลที่ดีได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภาครัฐ นี่คือสิ่งที่ประชาชนเขาต้องการมากกว่า และเป็นชุดนโยบายที่เป็นธรรมกับประชาชนที่เป็นผู้เสียภาษีมากกว่า เป็นเรื่องง่ายที่จะเอาเงินภาษีของพี่น้องประชาชน ไปเป็นเครื่องมือหาเสียงนำเสนอนโยบายเชิงประชานิยม ที่ตนต้องกล้าออกมาพูดตรงๆ เพราะเชื่อว่า การเมืองแนวโน้มโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนแปลงสูงมาก อยู่ที่ว่าจะเปลี่ยนแปลงแบบไหน ตนและทีมงานอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจึงออกมาตั้งพรรค เพราะที่ผ่านมาเรามองว่า มันมีข้อบกพร่องในการบริหารจัดการประเทศในหลายเรื่องมาก โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ 

นายกรณ์กล่าวว่า วันนี้นโยบายที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดคือ การที่พรรคใหญ่มีนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับคนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่มีใครปฏิเสธหรอกว่าเงินใครก็อยากได้กันทั้งนั้น แต่เม็ดเงินโดยรวมที่จะแจกตามนโยบายที่ใช้หาเสียงนั้น คิดออกมาเป็นเม็ดเงินก้อนใหญ่มหาศาลถึง 5.4 แสนล้านบาท ซึ่งเยอะมาก มันจึงมีคำถามจากสังคมว่า จะไปเอาเงินจำนวนนี้มาจากไหน หลังจากที่อึกอักอยู่นาน สุดท้ายก็ต้องถูกบังคับให้ตอบว่าก็คือเงินภาษีของพี่น้องประชาชน บวกกับเงินงบประมาณที่ต้องไปกู้มาแจก ก็แสดงความเห็นชัดเจนว่า การแจกเงินแบบนี้ ไม่ใช่ทำไม่ได้ ทำได้แต่ต้องเป็นช่วงวิกฤต 

ผมเป็นคนเริ่มต้นแจกเงินเป็นคนแรกในปี 2552-2553 สมัยเป็นรมว.คลัง  ช่วงนั้นเศรษฐกิจโลกกำลังประสบวิกฤตขนาดหนักที่เราเรียกว่า วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งมีผลกระทบต่อประเทศไทยในฐานะเป็นประเทศค้าขาย ต่างชาติเขาไม่มาซื้อของเรา จึงมีความจำเป็นที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน ได้คิดวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการออกเช็คช่วยชาติ มูลค่า 2,000 บาทให้กับประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยยิงตรงสู่กระเป๋าพี่น้องประชาชน แต่นั่นเป็นเพราะเราอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจจริง และอีกวิกฤตคือโควิด รัฐบาลก็ได้แก้ปัญหาด้วยการแจก ผมก็สนับสนุน แต่วันนี้ไม่ใช่วิกฤต การนำเงินมาแจกจึงไม่สมควร

 

เลือกตั้ง66:กรณ์ ไม่เห็นด้วย นำเงินภาษีมาแย่งกันแจก ชี้ ไม่ใช่ช่วงวิกฤต