posttoday

เลือกตั้ง66:ศรีสุวรรณ ร้องกกต.สอบสวน พิธา อาจจะทำผิดพรป.เลือกตั้ง

28 เมษายน 2566

ศรีสุวรรณ ยื่นร้อง กกต. สอบสวน พิธา เรื่องไปร่วมงานศพบิดาไม่ทัน เหตุถูกทหารควบคุมตัว งัดข้อมูลชาวโซเชียล โต้กลับ ระบุ อ้างอาจจะ เข้าข่ายความผิด ตาม พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา73 (5)

วันที่28เม.ย.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ศูนย์ราชการ อาคารบี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้กกต. ได้ไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปให้สัมภาษณ์รายการกรรมกรข่าวในลักษณะปรุงแต่งเรื่องการเดินทางกลับจากอเมริกามางานศพพ่อในช่วงรัฐประหาร 2549 แต่กลับใส่ร้ายให้ความเท็จ อันอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน มาตรา73(5)แห่ง พรป.เลือกตั้ง ส.ส.2561 หรือไม่

เนื่องจากชาวโซเชียลช่วยกันจับโป๊ะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หลังที่ไปออกรายการกรรมการข่าวของ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เมื่อ 20 เม.ย.66 โดยกล่าวอ้างในหลายประเด็นที่ส่อไปในทางเป็นข้อเท็จมากกว่าจริง อาทิ

1.กลับมาที่กองทัพอากาศ คืนแรกผมไปไม่ได้ เขารื้อคอมฯผม เขาทำผมทุกอย่าง

2.ผมทำงานให้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในฐานะข้าราชการการเมืองในตอนนั้น

3.ผมยังจำได้ว่า ผมไปงานศพพ่อไม่ทัน

4.หลังจากนั้นมันไม่ใช่แค่โดนควบคุมตัวนะ มันโดนควบคุมการเงินด้วย 2-3 เดือนที่ผมหาเงินมาใช้งานศพคุณพ่อไม่ได้

แต่ทว่าชาวโชเชียลได้ไปขุดคลิปที่นายพิธา ไปให้สัมภาษณ์ในรายการหนูแหม่มเมื่อปี 2552 มาเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกันแต่กลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อาทิ

1.ในขณะนั้นผมเรียนที่บอสตัน

2.เขาก็กักตัวไว้พักหนึ่ง ก็ทำให้ไปงานศพคุณพ่อช้า

3.ผมถูกกักตัว 4-5 ชั่วโมงได้ สายนิดหน่อยแต่ก็ยังทันไปงานศพพ่อ

การไปออกรายการกรรมการข่าวล่าสุดดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงความพยายามที่จะปรุงแต่งเรื่องในการเล่าความในเรื่องเดียวกันให้ดูเหมือนตนเองถูกกลั่นแกล้ง ถูกรังแก จากฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายทหาร จนกระทั่งไปร่วมงานศพบิดาไม่ทัน และถูกควบคุมการเงินด้วยถึง 2-3 เดือน จนหาเงินมาใช้งานศพคุณพ่อไม่ได้ ทั้งๆที่หลายคนที่อยู่ในเหตุกาณ์หรือล่วงรู้ความจริงได้ออกมาโพสต์ท้วงติงหรือให้สัมภาษณ์ในข้อมูลที่ตรงกันข้ามกับการให้สัมภาษณ์ของนายพิธาล่าสุดกันหลายคน 

การให้สัมภาษณ์ของนายพิธาดังกล่าว จึงอาจทำให้ผู้ชมผู้ฟ้งที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงมาก่อน อาจเข้าใจผิดในความนิยมในตัวของนายพิธา และพรรคก้าวไกลได้ จึงอาจเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองตาม ม.73(5) แห่งพรป.เลือกตั้ง ส.ส.2561 ซึ่งต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปีอีกด้วย

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐาน คลิปวิดีโอทั้งหมดมามอบให้ กกต.ให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวตามครรลองของกฎหมายต่อไป

ข่าวล่าสุด

‘ม.สงขลาฯ’ ร่วมกรมการแพทย์ รับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาด้วย CAR-T Cell