posttoday

เลือกตั้ง66 : พิธา ตั้งเป้า กวาด ส.ส. 160 ที่นั่ง พร้อมเป็นนายกฯ

24 เมษายน 2566

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศ “พร้อมที่จะเป็นนายก” เพราะคนเห็นว่า 4 ปีที่ผ่านมา เราทำงานในสภาได้ดี และคาดหวังมีลุ้น 160 ที่นั้ง ส.ส จากปัจจัย 4 ค.ควาย

          พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศ “พร้อมที่จะเป็นนายก” โดยเท่าที่ลงพื้นที่หาเสียงประชาชนก็พร้อมที่จะเลือกพรรคก้าวไกลทั้งสองใบ หลายคนคิดว่าพรรคก้าวไกลเสียเปรียบ แต่ผมคิดว่าพรรคก้าวไกลได้เปรียบ เพราะคนเห็นว่า 4 ปีที่ผ่านมา เราทำงานในสภาได้ดี อีกทั้งบัตรสองใบ คนต่างจังหวัดอาจจะชอบ คนในพื้นที่อยากเลือกพรรคก้าวไกล เขาก็ทำได้ และบางพื้นที่เขาชอบพรรคเก่า ส่วนคนมาเลือกพรรคก้าวไกลซึ่งก็มีจำนวนมาก ตรงนี้เป็นความได้เปรียบของเรา

          สำหรับความแตกต่างของการเลือกตั้งปี 2562 กับ ปี 2566 “พิธา” อธิบายว่า นอกสภาสังคมเปลี่ยนไปเยอะมาก ในสภาพรรคก้าวไกลก็ทำให้เปลี่ยนไปเยอะ ปี 62 เรามีเวลา 2 เดือน ตอนนั้นคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ บอกว่าต้องการให้เป็นพรรคระดับชาติ ส่ง ส.ส. ครบ 350 เขต มันเลยออกมาแบบที่เห็น ตอนนี้มีเวลา 2 ปี ที่คัดเลือกผู้สมัครทั้ง 400 เขต ผ่านการคัดเลือก 4 ด่าน โดยการผ่าน 4 ด่านนี้ ต้องผ่านการ ส่งใบสมัคร,สัมภาษณ์,ต้องมีหลักสูตรการเมืองแบบพรรคก้าวไกล,และให้ประชาชนเป็นผู้ตรวจสอบ โดยเฉลี่ยผู้สมัคร ส.ส. ในกรุงเทพฯ 36 เขต 41 ในบัญชีรายชื่อ 43 แต่ในการลงพื้นที่ในแต่ละพื้นที่ คู่แข่งของพรรคก้าวไกล ก็จะเปลี่ยนไปในแต่ละที่ไม่ซ้ำกัน พร้อมที่จะโดนเกลียด เพราะเป็นจุดเด่นของพรรค และไม่เสียใจ ดีใจมากกว่า เพราะเราได้มาถูกทางแล้วและจะได้มีเวลาในการซื้อใจเขาให้ได้

          ทั้งนี้ยังหวังให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับ 1 มีความมั่นใจ เพราะ 4 ปัจจัยคือ ค.ควาย

     1.คะแนน

          คะแนนในทุกพื้นที่ ร่วมถึงคะแนนเก่าตั้งแต่ปี 62 คะแนนท่องถิ่น และคะแนน 2 ก.

     2.แคนดิเดต

          แคนดิเดตที่ทำงานขยันขันแข็ง มีจุดขายดี ทำงานดี ไปลองสืบถามลงพื้นและวิเคราะห์พื้นที่หาเสียง

     3.คู่แข่ง

          คู่แข่งย้ายพรรค หรือพื้นที่ที่มีการแข่งเยอะ

     4.คัสตอมเมอร์

          คนที่มาเลือกตั้ง โหวตเตอร์ที่นโยบายตรงกับพรรค หรือเป็นคนรุ่นใหม่

         ซึ่งทำให้มั่นใจมีลุ้น 160 ที่นั่ง ส.ส จากการวิเคราะห์ ปัจจัยต่างๆนั้น โอกาสที่จะชนะ 50% 60% 70% ขึ้นอยู่กับคนในพรรคที่จะพร้อมเดินไปด้วยกัน ทุ่มเทไปด้วยกันมากน้อยแค่ไหน

          ท้ายสุด “พิธา” ฝากไปถึงประชาชนว่า “การเลือกตั้งคือโอกาสของการเปลี่ยนแปลง พรรคก้าวไกลตั้งใจเข้ามาทำงานทางการเมือง ไม่ต้องการมีตำแหน่ง แต่ต้องการเข้าสู่อำนาจรัฐ เพื่อต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชน ผ่านยุทธศาสตร์ การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต”