posttoday

เลือกตั้ง66: สุวัจน์ตั้งเป้า25ที่นั่ง เคารพกติกา ไม่ยอมเป็นเสียงข้างน้อย

13 มีนาคม 2566

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ตั้งเป้าเลือกตั้ง66 พรรคชาติพัฒนากล้าต้องได้25ที่นั่ง ไม่ยอมเป็นเสียงข้างน้อย หวังร่วมรัฐบาลเสียงข้างมากแก้เศรษฐกิจประเทศ

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดเผยผ่านรายการเนชั่นสุดสัปดาห์ กับ3บก. ประกอบด้วยนายสมชาย มีเสน นายวีระศักดิ์ พงษ์อักษร และนายบากบั่น บุญเลิศ ว่า การเลือกตั้ง66 พรรคชาติพัมนาตั้งความหวังมีส.ส.เข้าสภาอย่างน้อย25ที่นั่ง เพื่อมีโอกาสในการเสนอชื่อ แคนดิเคตนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศชื่ออย่างเป็นทางการหลังยุบสภา

อย่างไรก็ตามยอมรับว่า การจะทำให้พรรคได้จำนวนส.ส.อย่างน้อย 25ที่นั่งเป็นเรื่องยาก เพราะมีการพรรคเมืองลงสนามเลือกตั้งจำนวนมาก แต่การเลือกตั้ง66 ก็ค่อนข้างเคลียร์ชัดกว่าปี62 เพราะขณะนั้นมีเงื่อนไขความขัดแย้งและม.44 แต่การเลือกตั้ง66นี้ เป็นการเปลี่ยนผ่านจากประชาธิปไตยไปสู่ประชาธิปไตย100 เปอร์เซนต์ ประชาชนมีสิทธิแสดงความคิดความเห็นอย่างเต็มที่ พรรคการเมืองขอเพียงให้คณะกรรมการแบ่งเขตเลือกตั้งที่เป็นธรรม เพราะการแบ่งเขตมีนัยสำคัญต่อผลการเลือกตั้งและเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสเถียรภาพทางการเมือง

นายสุวัจน์ ระบุด้วยว่า หลังการเลือกตั้ง66 พรรคชาติพัฒนากล้า ถือเป็นพรรคเล็ก เป็นเพียงดอกไม้ประดับ รอเจ้าของแจกันมาเลือกตั้ง แต่ก็จะยึดประเพณีทางการเมืองและจะอยู่กับเสียงข้างมาก ไม่เป็นเสียงข้างน้อย เพราะการเป็นเสียงข้างมากจะสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ตามที่สัญญาไว้ประชาชนได้ 

การเลือกตั้งคราวนี้ ต่างจากเมื่อ4ปีก่อน ขณะนั้นอยู่บนพื้นฐานความขัดแย้ง เลือกตั้งปี66 ปัจจัยของโหวตเตอร์ คือ เศรษฐกิจ ไม่ได้หมายความขัดแย้งหมดไป แต่ปัญหาปากท้องต้องมาก่อน 

ส่วนเสียงสนับสนุนของสว.ส่วนตัวไม่กังวลว่าจะสนับสนุนฝ่ายใดในการเมือง2ขั้ว สำหรับการสนับสนุนชื่อนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งเป็นรัฐบาล เพราะสุดท้ายการโหวตต้องยึดถือเอาเสียงข้างมาก  ทุกคนต้องมีเหตุมีผล ต้องยอมรับเสียงข้างมากจากประชาชน การไปโหวตเสียงข้างน้อยเป็นนายกฯมีผลกระทบต่อสเถียรภาพรัฐบาล การไปฟอร์มรัฐบาลแล้วได้เสียงข้างน้อยมีผลกระทบต่อการลงทุน หลังเลือกตั้งหากได้รัฐบาลเสียงข้างน้อยเท่ากับจบเลย เราไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์หลังจากที่อดทนรอเลือกตั้งมานาน4ปี