ดัสติน บราวน์...ผู้ไม่แพ้
แจ้งเกิดในฐานะนักหวดชายเยอรมนีที่โด่งดังที่สุดนับตั้งแต่ บอริส เบคเกอร์ เพียงชั่วข้ามคืน สำหรับ ดัสติน บราวน์
...นูโน่
แจ้งเกิดในฐานะนักหวดชายเยอรมนีที่โด่งดังที่สุดนับตั้งแต่ บอริส เบคเกอร์ เพียงชั่วข้ามคืน สำหรับ ดัสติน บราวน์ หลังพลิกล็อกชนะ ราฟาเอล นาดาล 7-5, 3-6, 6-4, 6-4 ในรอบสอง เทนนิสวิมเบิลดัน เมื่อคืนวันที่ 2 ก.ค.
แต่ความน่าสนใจของมือควอลิฟาย วัย 30 ปีคนนี้ ไม่ได้อยู่ที่การโค่นอดีตแชมป์ 2 สมัยจากสเปน หรือคาแรกเตอร์เดรดล็อกและรอยสักสุดแนวเท่านั้น เส้นทางการเดินตามความฝันก่อนจะถึงวันนี้ก็ต้องต่อสู้ไม่น้อย
บราวน์ ซึ่งเป็นลูกครึ่งเยอรมัน (แม่) และจาเมกา (พ่อ) ต้องตระเวนแข่งทั่วยุโรปด้วยรถแคมป์และลงแข่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในช่วงเริ่มต้น เพื่อหาเงินมาเป็นค่าอาหารและค่าน้ำมันในการเดินทาง
“พวกเขาไม่ได้รวย แต่มันเป็นแนวทางในการสนับสนุนความฝันของผมที่จะเป็นนักเทนนิสอาชีพ” บราวน์ ซึ่งเปิดเสื้อโชว์รอยสักรูปพ่อหลังคว้าชัย กล่าว
พวกเขาซื้อรถในปี 2004 แต่เพิ่งผ่อนหมดในปี 2010 ส่วนป้ายทะเบียน CE DI 100 นั้น CE คือ เมืองเซเล ซึ่งเป็นสถานที่เกิดของบราวน์ ดี คือ ดัสติน, ไอ คือ อิงเก (ชื่อของแม่) และ 100 คืออันดับโลกที่ตั้งเป้า และด้วยข้อจำกัดเรื่องเงิน เขาต้องทานแต่พาสตาอยู่หลายสัปดาห์เป็นประจำ
นอกจากนี้ หนุ่มเดรดล็อกยังลงทุนซื้ออุปกรณ์ขึงเอ็นของตัวเอง เพื่อซ่อมแร็กเกตให้กับเพื่อนนักหวดคนอื่นๆ แลกกับค่าแรง 5 ยูโร/ครั้ง เป็นรายได้อีกทางหนึ่ง
หลังจากใช้ชีวิตอยู่บนรถแคมป์อยู่ 3 ปี บราวน์เริ่มพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปี 2009 และทำอันดับสูงสุดในอาชีพด้วยการขึ้นมือ 78 ของโลกเมื่อปีที่แล้ว และรั้งมือ 102 ของโลกในปัจจุบัน
บราวน์ซึ่งไว้ผมเดรดล็อกมาตั้งแต่อายุ 19 ปี และเป็นที่มาของชื่อเล่น “เดรดดี้” ยอมรับว่า การเล่นเทนนิสอาจจะต้องปรับตัว 2-3 อย่างเพื่อให้เล่นกีฬานี้ได้ แต่เขาพยายามจะไม่เปลี่ยนตัวเองมากนัก ซึ่งนี่ไม่ใช่การชนะนาดาลครั้งแรก หลังเคยปราบอดีตมือ 1 โลกบนคอร์ตหญ้าในฮัลเล เมื่อปี 2014 มาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ชีวิตของบราวน์จะเปลี่ยนไปแน่นอนหลังจากนี้ อย่างน้อยก็มีเงินรางวัลตุนในกระเป๋าแล้ว 7.7 หมื่นปอนด์ (ราว 4 ล้านบาท) มากกว่าเงินรางวัลที่ได้จากการแข่งขันในปีนี้ทั้งหมด และน่าจะขยับเข้าท็อป 100 ของโลก ซึ่งหมายความว่าจะได้เข้าแข่งยูเอส โอเพ่น อัตโนมัติ
“แน่นอน ผมไม่ใช่คนที่แพ้ไม่เป็นบนพื้นสนามนี้ แต่เล่นได้ธรรมชาติมากขึ้นในเกมของผม ผมรู้ว่าสามารถเล่นได้ดีและรอคอยเกมต่อไปกับ วิกเตอร์ ทรอยกี” บราวน์ กล่าว
ขณะที่ นาดาล ยอมรับอาจไม่สามารถกลับสู่ฟอร์มความยิ่งใหญ่สมัยคว้าแชมป์วิมเบิลดันในปี 2008 และ 2010 ได้อีก หลังร่วงก่อนรองชนะเลิศเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน พร้อมเผยเป็นช่วงเวลาแย่ๆ แต่จะฝึกซ้อมและพยายามพัฒนาต่อไป.


