posttoday

บิ๊กเพื่อนตำรวจควัก2พันล.จ่อซื้อทีมเรดดิง

15 มิถุนายน 2557

“เดอะบิ๊ก” ประธานทีมฟุตบอลเพื่อนตำรวจ ทุ่ม 2,000 ล้าน จ่อเทกฯ สโมสรเรดดิง รออังกฤษอนุมัติ

“เดอะบิ๊ก” ประธานทีมฟุตบอลเพื่อนตำรวจ ทุ่ม 2,000 ล้าน จ่อเทกฯ สโมสรเรดดิง รออังกฤษอนุมัติ

นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือ “เดอะบิ๊ก” ประธานฝ่ายบริหารสโมสรเพื่อนตำรวจ ทีมฟุตบอลในศึกไทยพรีเมียร์ลีก และเจ้าของบริษัท พระนครธนบุรีประกันภัย จ่อเข้าเทกโอเวอร์สโมสร “เดอะ รอยัลส์” เรดดิง ทีมดังในเดอะแชมเปี้ยนชิพ ประเทศอังกฤษ คาดว่าจะใช้เม็ดเงินในการซื้อ 36 ล้านปอนด์ (ราว 1,980 ล้านบาท) ซึ่งเหลือขั้นตอนสุดท้ายแค่เจรจารายละเอียดกับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ในวันจันทร์ที่ 16 มิ.ย.นี้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ Getreading.co.uk สื่อท้องถิ่นชื่อดังของเมืองเรดดิง ประเทศอังกฤษ รายงานว่า มีการเจรจาขายสโมสรเรดดิง เอฟซี ทีมในลีกแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ให้กับเศรษฐีชาวไทยรายหนึ่ง และทั้งสองฝ่ายใกล้บรรลุข้อตกลง หากทุกอย่างเป็นไปตามนั้น “เดอะบิ๊ก” จะเป็นเจ้าของสโมสรคนใหม่ทันที แทนที่ เซอร์จอห์น มาเดจสกี ประธานสโมสรคนเก่า

แหล่งข่าวจากสโมสรเพื่อนตำรวจ ออกมายืนยันว่า ผู้บริหารของทีมนำโดย “เดอะบิ๊ก” พร้อมทีมงานได้เดินทางไปที่เมืองเรดดิง ประเทศอังกฤษ เพื่อเจรจาซื้อสโมสรเรดดิงตามที่เป็นข่าว

ทั้งนี้ ทีมงานยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของสัญญาได้ ต้องรอให้ขั้นตอนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน เพียงแต่บอกว่ากลุ่มทุนไทยมีโอกาสที่จะเทกโอเวอร์สโมสรเรดดิงมากกว่ากลุ่มทุนจากสหรัฐ ซึ่งต้องรอเจรจารายละเอียดกับเอฟเออีกครั้งในวันจันทร์ที่ 16 มิ.ย.นี้ และจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ หากได้รับการอนุมัติจากเอฟเอ

สำหรับการเข้าซื้อกิจการของกลุ่มทุนไทย หากทำสำเร็จจะทำให้มีคนไทยเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลอังกฤษเป็นรายที่ 2 หลังจากก่อนหน้านี้ เลสเตอร์ ซิตี ที่เพิ่งเลื่อนชั้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า ได้กลุ่ม “คิง เพาเวอร์” ที่มี วิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นประธานสโมสร ได้ซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี เมื่อ 3 ปีก่อน ด้วยวงเงิน 39 ล้านปอนด์ (ราว 2,145 ล้านบาท)

นอกจากนี้ การซื้อสโมสรเรดดิง ถือเป็นข่าวดีของไนเจล แอดกินส์ ผู้จัดการทีม หลังจากต้องหยุดชะงักแผนในการซื้อนักเตะเสริมทีมในฤดูกาลใหม่ โดยหลังจากปัญหาการครอบครองเรดดิงจบลง แอดกินส์เตรียมเสนอรายชื่อซื้อนักเตะมาเสริมทีมในฤดูกาลหน้าได้ทันที

ด้านนายสัมฤทธิ์ นอกจากจะมีธุรกิจประกันภัย ยังมีธุรกิจนำเข้ารถยนต์อิสระ หรือรถเกรย์มาร์เก็ต และเป็นกลุ่มทุนไทยที่เข้าไปทำธุรกิจที่ฮ่องกงจำนวนมาก