วางแผนภาษีที่ดี ดูที่เงินได้ก่อนค่าลดหย่อน
การวางแผนภาษีจะเป็นฮอท อิชชูในช่วงใกล้สิ้นปีเสมอ
เรื่อง ศุภลักษณ์ เอกกิตติวงษ์
การวางแผนภาษีจะเป็นฮอท อิชชูในช่วงใกล้สิ้นปีเสมอ เพราะผู้มีเงินได้ที่เข้าข่ายเสียภาษีจะมองหาช่องทางต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี
แต่การวางแผนภาษีที่ดี ต้องไม่มองแค่การลดหย่อนภาษีอย่างเดียว การวางแผนสามารถทำได้ตลอดทั้งปี
สาธิต ผ่องธัญญา ผู้อำนวยการอาวุโส Estate Planning & Family Office ธนาคารไทยพาณิชย์ แนะนำว่า การวางแผนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาที่ดีที่สุด คือ Tax-Minimization ซึ่งหมายถึงการเสียภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ภายใต้มูลค่าการจ่ายเงินภาษีที่น้อยที่สุด
"เงินได้" เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการวางแผนภาษี ซึ่งมักถูกละเลยเป็นส่วนแรก โดยไปมองการลดหย่อนเป็นหลัก แต่ความจริงแล้ว หากรู้ที่มาของเงินได้ของตัวเองจะทำให้ความสำคัญของการลดหย่อนภาษีด้อยลงไปเลย โดยเงินได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
- เงินได้ที่ต้องเสียภาษีของเรามีอะไรบ้าง ส่วนนี้แยกออกมาเป็น 2 ประเภท คือ แหล่งเงินได้จากในประเทศไทย และแหล่งเงินได้นอกประเทศไทย โดยเงินได้ที่เสียภาษีแน่นอน คือ เงินได้จากแหล่งในประเทศ
ส่วนเงินได้จากนอกประเทศนั้น มีเงื่อนไขว่า ต้องพำนักอยู่ในประเทศไม่น้อยกว่า 180 วันที่นำเงินเข้ามา ดังนั้น เงินได้ที่เกิดจากนอกประเทศ เช่น ผลตอบแทนจากการนำเงินไปลงทุนในหุ้นกู้บริษัทต่างชาติ แต่ไม่ได้นำเข้ามาในประเทศก็ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 41 ของประมวลรัษฎากร
- เงินได้ที่สามารถขอเสียภาษีแบบ Final Tax ซึ่งเป็นเงินได้ที่เสียภาษีระหว่างปีแล้ว หรือถูกหักภาษีไปแล้ว ไม่ต้องนำมารวมกับการยื่นแบบการเสียภาษีปลายปี ซึ่งส่วนนี้สำคัญมากสำหรับการวางแผนภาษี ที่หากรู้สิทธิประโยชน์ชัดเจนในส่วนนี้ อะไรที่ขอเสียภาษีได้เลยและถูกต้องแล้ว ไม่ต้องกังวลเลยว่าเงินได้ที่คำนวณฐานภาษีปลายปีจะเข้าข่ายเสียภาษีในอัตราใด จนต้องไปหากลยุทธ์ลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนนี้ เช่น
- เงินได้ดอกเบี้ย (15%)
- เงินได้เงินปันผล (10%)
- ส่วนแบ่งกำไรกองทุนรวม (10%)
การให้อสังหาริมทรัพย์จากบิดามารดาให้บุตรชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท (5%)
เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มุ่งค้าหากำไร (อัตราก้าวหน้า) และเงินได้ที่ได้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน (อัตราก้าวหน้า)
ตัวอย่าง สิ่งดีๆ จากการเลือกเสียภาษีแบบ Final Tax เช่น ขายบ้าน 1 ล้านบาทในช่วงกลางปี เสียภาษี 25,000 บาท ได้เงินสุทธิกว่า 9 แสนบาทกลับเข้าตัว โดยไม่ต้องนำเงิน 1 ล้านบาท มารวมเป็นฐานเงินได้จนถูกเสียภาษีอัตราเพิ่มสูงขึ้น
แต่! Final Tax ไม่ได้คุ้มเสมอไป ถ้าคุณไม่มีรายได้ระหว่างปีเลย และมีเงินเข้าจากดอกเบี้ยสัก 3 แสนบาทในปีนั้น หาก Final Tax 15% จะเสียทันที 45,000 บาท ทว่า หากนำส่วนนี้ไปคำนวณเงินได้บุคคลธรรมดาปลายปี ภงด. 90 หักค่าลดหย่อนแล้ว ส่วนที่เกินไปคำนวณภาษี 5% ก็เท่ากับยื่นแบบเสียภาษีเพียง 4,500 บาท
- เงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวม
คำนวณภาษีเงินได้ เช่น เงินจากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ส่วนแบ่งกำไรจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เงินปันผลที่ได้รับจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
รู้หรือไม่ คนอายุ 65 ปี ได้รับยกเว้นภาษี 1.9 แสนบาท สำหรับเงินได้ทุกประเภท คราวนี้ก็มีทางเลือกได้ว่าเราจะนำการยกเว้นภาษีเงินได้ส่วนใด หากเรามีเงินได้จากเงินเดือนและค่าเช่า แต่จะฉลาดกว่าถ้านำ 1.9 แสนบาทไปลดเงินเดือน เพราะเงินเดือนหักค่าใช้จ่ายได้ต่ำ แต่ค่าเช่า สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 30%
รู้หรือไม่ การขายบ้านเก่าซื้อบ้านใหม่ภายใน 1 ปี ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ หรืออาจซื้อบ้านใหม่ก่อน หรือค่อยขายบ้านเก่า ก็ได้รับยกเว้นภาษีเช่นกัน
"ที่คนไม่รู้ เพราะซื้อใหม่ก่อน พอขายบ้านเก่านายหน้าจัดการให้รวมทั้งจัดการเสียภาษีให้ด้วย อารามดีใจทำให้เราไม่ได้ศึกษาว่า เราไม่ต้องเสียภาษี และแน่นอนว่า
รัฐบาลไม่รู้ว่าเราเพิ่งซื้อบ้านใหม่ เพราะเราไม่ได้เสียภาษีการซื้อบ้านอยู่แล้ว นี่เป็นจุดบอดที่ความจริงแล้ว เราได้ยกเว้นภาษี"
"กลยุทธ์วางแผนภาษีที่สำคัญที่สุด คือ ต้องเข้าใจตัวเอง" วิธีคิดต้องเล่นตรงนี้ก่อนให้แม่นมากแล้วค่อยไปเล่นเรื่องลดหย่อนภาษีอีกที เพราะหากแม่นตรงนี้จะรู้ว่า Final Tax ใดบ้างที่สลัดภาระออกไปเลยต้องเลือกตั้งแต่เงินได้ ซึ่งไม่มีสูตรตายตัว 100% ว่าควรเลือกคำนวณภาษีจากเงินได้ไหนดี สูตรในหนังสือเป็นผู้แนะนำ "คาดว่า" จะเป็นเช่นนั้น
ก่อนอื่น! ต้องรู้ก่อนว่าตัวเองมีฐานภาษีเท่าไหร่ และได้รับยกเว้นเท่าไหร่ จากนั้นมาคิดว่าใช้กลยุทธ์ Final Tax แบบไหน ถ้าให้แนะนำหลักการง่ายๆ (Rule of Thumb) หากมีเงินได้อื่นที่ต้องเสียภาษีในอัตราสูงกว่าอัตรา Final Tax แล้วล่ะก็ คุณเลือกเสีย Final Tax น่าจะดีกว่า หรือให้แคบไปกว่านั้น ถ้าเสียภาษีเงินได้อยู่อัตรา 20% แล้ว โยนภาระส่วนเกินให้อัตราภาษี Final Tax จัดการไปเลย แต่ให้ดีที่สุด ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดู
ผ่านเรื่องเงินได้แล้ว มาที่การหักค่าใช้จ่ายกันบ้าง ค่าใช้จ่ายหมายถึงต้นทุนที่ได้มาซึ่งเงินเดือนหรือรายได้ โดยส่วนนี้เป็นที่รู้กันเป็นวงกว้าง สรุปคร่าวๆ ว่า มี 8 ประเภท ผู้มีเงินได้จาก (1) เงินเดือน และ (2) ค่าจ้างค่าคอมมิชชั่น รวมกันหักค่าใช้จ่าย 50% แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท (3) ค่าลิขสิทธิ์ หักได้ 50% ไม่เกิน 1 แสนบาท (4) ดอกเบี้ย หักไม่ได้เลย (5) ค่าเช่ามีหลายอัตรา เช่น อาคารหักได้ 30% ที่ดินได้ 15% ที่เกษตร 20% อื่นๆ เช่น เช่ารถ 10% (6) วิชาชีพอิสระ ตามอาชีพ เช่น หมอ 60% นักบัญชี 30% (7) รับเหมา หักได้ 60% (8) อื่นๆ หักได้ 60%
สิ่งเล็กๆ ที่ต้องรู้ 1. ถ้าเป็นหมอเปิดคลินิก หักได้ตามวิชาชีพอิสระ แต่ถ้าเป็นหมอกินเงินเดือน หักได้ตามผู้มีเงินเดือนไม่เกิน 1 แสนบาท
สิ่งเล็กๆ ที่ต้องรู้ 2. เงินได้ทุกประเภทให้เลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริงได้ หรือหักเหมาก็ได้ ยกเว้นเงินเดือนและค่าจ้าง หักแบบเหมาได้อย่างเดียว ส่วนดอกเบี้ย หักไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้น การวางแผนภาษีเรื่องค่าใช้จ่ายก็ต้องเป็น (5)-(8) ที่ต้องเลือกว่าจะหักตามเปอร์เซ็นต์หรือหักตามจริง ที่คุ้มกว่ากัน อาจต้องอาศัยนักบัญชีมาช่วยคิด
มาถึงขั้นสุดท้ายคือ ค่าลดหย่อน เป็นการบรรเทาภาระ แบ่งได้ 4 กลุ่ม ได้แก่
- ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว เช่น ลดหย่อนคู่สมรส/บุตร เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่หรือคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ ค่าลดหย่อนอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือทุพพลภาพ
- ค่าลดหย่อนจากสินทรัพย์หรือมาตรการของรัฐ เช่น ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย มาตรการรัฐที่ประกาศแต่ละปี ช้อปช่วยชาติ ท่องเที่ยวเมืองรอง
- ค่าลดหย่อนจากการออมเงินและการลงทุน เช่น ประกันชีวิต LTF/RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนการออมแห่งชาติ
- เงินบริจาค เช่น บริจาคทั่วไป บริจาคเพื่อการศึกษา บริจาคเพื่อผู้ประสบภัย
ซึ่งอัตราการลดหย่อนได้มีประกาศในแต่ละเรื่องอย่างชัดเจน การลดหย่อนภาษีเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล เช่น เหตุผลที่รัฐบาลมองเรื่อง LTF/RMF ที่หักลดหย่อนได้ เพราะส่งเสริมการออม หรือมีเงินไว้ใช้ยามเกษียณ
สาธิต อยากให้ผู้มีเงินได้สำรวจตัวเองจากพื้นฐานและวางแผนภาษีที่เหมาะสม ก่อนที่จะเสิร์ชหากูรูในโลกออนไลน์หรือในตำรา ซึ่งมีหลายกลยุทธ์มากที่เข้าใจผิด หรือไม่เข้ากับตัวเอง เช่น
- ให้เลื่อนการรับเงินได้ออกไป เพื่อเลี่ยงเสียภาษีอัตราสูง
- ในความเป็นจริงงานอาจรอเราไม่ได้ ถ้าเลื่อนออกไปก็ไม่แน่ว่าจะได้เงินนั้นหรือเปล่า กลายเป็นเสียโอกาส
- กระจายฐานภาษีให้คนอื่น เช่นมีคอนโด 5 ยูนิต สัญญาผู้ให้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของเอง จึงเลี่ยงภาษีด้วยการให้พี่น้องลูกหลานมาเป็นผู้ทำสัญญาเช่า จะได้ไม่ต้องมีเงินได้สูงมากจนเสียภาษีแพง
- ในความเป็นจริง สรรพากรจะมาประเมินตัวเจ้าของหนักขึ้น และยังถือว่าเจ้าของมีรายได้จากปล่อยเช่าให้พี่น้องลูกหลาน 5 ยูนิต ก่อนพี่น้องลูกหลานไปปล่อยเช่าต่อได้ ถูกภาษีหนักเข้าไปอีก
ในกระดาษอาจมีข้อแนะนำมากมายหลายอย่าง ถ้าคุณหยิบไปใช้แบบไม่เข้ากับตัวเอง หรือตั้งใจเลี่ยงภาษี จากที่คิดว่าคุ้มกลายเป็นมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นไปอีก เข้าข่าย เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ทางที่เวิร์กที่สุด คือ รู้ รู้จักตัวเอง รู้จักสิทธิ รู้จักวางแผน บางทีไม่จำเป็นต้องพึ่งตำราใดก็ชนะชัยภาษีได้