posttoday

บิดเบือน หลอกลวง ผิดกฎหมายคอมพ์ฉบับใหม่

25 พฤษภาคม 2560

เดชา กิตติวิทยานันท์

โดย...เดชา กิตติวิทยานันท์

พวกคะนองปากท้าทายอำนาจรัฐโพสต์เฟซบุ๊กด่าหน่วยงานของรัฐเป็นประจำทุกวัน บิดเบือนเสนอข้อมูลด้านเดียว ด่าผู้อื่นหรือหน่วยงานรัฐ แสดงความคิดเห็นหรือคอมเมนต์ด่าบุคคลอื่น ผิดศีลธรรมหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อย (เอามัน) เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ทุจริตหลอกลวงทางเฟซบุ๊กเพื่อแสวงหาประโยชน์ รวมถึงการโฆษณาขายสินค้า เจ้าของเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ ถ้ามีความเห็นที่ผิดกฎหมายต้องลบออก มิฉะนั้นเตรียมติดคุกและเสียค่าปรับได้เลย ทนายคลายทุกข์ขอนำสาระสำคัญบางส่วนที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียต้องรู้

1.พวกส่งสแปมหาลูกค้าครั้งละหลายพันฉบับ (เมลขยะ) ในเวลาเดียวกัน โดยที่ผู้รับไม่ได้ยินยอมและไม่มีทางเลือกที่จะปฏิเสธ มาตรา 11 ปัจจุบันมีบริษัทขายตรงหรือบริษัทที่ให้บริการต่างๆ ส่งอีเมลครั้งละประมาณ 4,000-5,000 ฉบับไปยังกลุ่มเป้าหมาย สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้รับ ต่อไปนี้ไม่สามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว ใครที่ทำก็ควรหยุดมิฉะนั้นก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายใหม่

2.เจ้าของเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊กที่เปิดให้คนทั่วไปได้แสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะพวกที่มีคนติดตามเป็นแสน หากความเห็นผิดกฎหมาย มาตรา 15 เจ้าของเว็บไซต์ที่มีเว็บบอร์ดให้ตั้งกระทู้แสดงความคิดเห็นจะต้องคอยตรวจสอบว่าผู้ที่มาโพสต์ข้อความ โพสต์ข้อความที่ผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรม หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือไม่อย่างไร หรือละเมิดสิทธิคนอื่น หรือมีข้อความลามกอนาจาร จะต้องคอยลบข้อมูลที่ผิดกฎหมายออกอยู่สม่ำเสมอ มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย

3.กระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับความมั่นคง หรือความปลอดภัยสาธารณะมาตรา 12

4.หลอกลวงหรือทุจริตหรือบิด เบือนหรือข้อมูลปลอม หรือข้อมูลเท็จ อันมิใช่ความผิดฐานหมิ่นประมาท มาตรา 14 (1) เป็นกรณีที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เช่น หลอกลวงขายสินค้าหรือบริการ หลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีก่อนและไม่ส่งมอบสินค้า หรือหลอกลวงโดยปลอมตัวเป็นบุคคลอื่น ทำให้ได้เงินหรือทรัพย์สินไปจากประชาชน รวมทั้งการใช้ข้อมูลที่บิดเบือนความจริง เช่น บอกไม่หมด หรือความจริงครึ่งเดียว ทำให้การความเข้าใจผิด ได้เงินทองหรือทรัพย์สินไปจากประชาชน แต่ต้องมิใช่คดีหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ถ้ามีการกระทำความผิด เช่น ด่ากัน หรือเรื่องชู้สาว ก็ต้องไปดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 หรือมาตรา 328 ไม่สามารถที่จะอ้างบทบัญญัติใหม่นี้ได้

5.ข้อมูลลามก เช่น ภาพโป๊ ภาพคนร่วมประเวณี ถ่ายทอดสดแก้ผ้า มาตรา 14 (4) การโพสต์ภาพลามก เช่นการแก้ผ้า ทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว หรือการถ่ายทอดสดโดยทยอยถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น เพื่อกระชาก เรตติ้ง หรือยอดไลค์ ไม่สามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว

6.เผยแพร่ส่งต่อ (แชร์) ข้อมูลหลอกลวงหรือทุจริต กระทบต่อความมั่นคง ก่อการร้าย ลามก มาตรา 14 (5) และวรรคท้าย พวกที่ชอบแชร์โดยปราศจากการตรวจสอบความ ถูกต้องของข้อมูล เช่น อ้างว่าจะมีการก่อการร้ายหรือจะมีการก่อวินาศกรรม หรือจะมีการวางระเบิดตามสถานที่ราชการซึ่งเป็นความเท็จทำให้ประชาชนตกใจ รวมทั้งข้อมูลหลอกลวงต้มตุ๋นทั้งหลาย ผู้ที่แชร์ก็จะมีความผิดตามกฎหมายใหม่

7.รู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำความผิด มีความผิดตามมาตรา 15 เช่น ไม่ยอมลบความคิดเห็นที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น มาตรานี้บัญญัติว่าผู้ที่มีข้อมูลเท็จหรือข้อมูลที่ผิดกฎหมายนี้อยู่ในความครอบครอง ต้องระวางโทษหรือถูกลงโทษเช่นเดียวกับผู้ที่โพสต์ข้อมูลหรือแชร์ข้อมูล

8.ตัดต่อภาพคนเป็นและคนตาย ทำให้คนอื่นอับอายเสียชื่อเสียง มาตรา 16 โพสต์ภาพคนตายหรือตัดต่อภาพคนตาย เช่น ภาพคนถูกระเบิดจนอวัยวะขาด หรือภาพหญิงที่ถูกกระทำชำเรา หรือภาพเปลือยที่ตัดต่อขึ้นเอง เป็นต้น

9.ติชมด้วยความเป็นธรรมไม่มีความผิด มาตรา 16 วรรคสาม (ไม่ใช่ใส่ร้ายบุคคลอื่นหรือใส่ร้ายหน่วยงานของรัฐโดยขาดเหตุผลมูลความจริงและหลักฐาน เช่น วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานของรัฐเพราะเกลียดเป็นการส่วนตัว โพสต์เฟซบุ๊กทุกวันด่าหน่วยงานของรัฐโดยขาดพยานหลักฐาน เป็นต้น) การติชมหน่วยงานของรัฐ เช่น มีพยานหลักฐานตามสมควรว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต รับสินบน รีดไถ สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่มีพยานหลักฐานไม่สามารถทำได้อีกต่อไป

10.ไม่ทำลายข้อมูลที่ศาลมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด มาตรา 16/1 และมาตรา 16/2 เป็นกรณีที่ศาลพิพากษาแล้วว่าจำเลยมีความผิด ศาลจะสั่งให้ทำลายข้อมูลหรือให้โฆษณาในสื่อ โดยจำเลยจะต้องเป็นผู้ชำระค่าโฆษณาหรือเผยแพร่ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องหรือเพื่อให้ชื่อเสียงของผู้เสียหายกลับคืนมา คล้ายกับคดีหมิ่นประมาท หากไม่ทำลายก็จะต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด

11.ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เช่น เอาลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่อง หมายการค้าของคนอื่นมาใช้ พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีมีอำนาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงหลักฐานต่อศาล ขอให้มีคำสั่งระงับหรือลบข้อมูลนั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้ตามมาตรา 20

12.ข้อมูลที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีต่อประชาชน เช่น ยุยงส่งเสริมให้ประชาชนเกลียดเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือชักชวนให้ใช้ความรุนแรงหรือเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เป็นต้น มาตรา 20

13.มีข้อมูลที่ศาลสั่งให้ทำลายอยู่ในความครอบครองไม่ยอมทำลาย มาตรา 16/2 จะมีบทลงโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา 14 หรือมาตรา 16 แล้วแต่กรณี

หากท่านใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีสติ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีความผิดตามกฎหมายใหม่