posttoday

เผยน้ำเหนือเริ่มไหลมารวมต้นน้ำเจ้าพระยานครสวรรค์แล้ว

14 กันยายน 2564

น้ำฝนจากหลายจังหวัดทางภาคเหนือเริ่มไหลมารวมกันบริเวณต้นน้ำเจ้าพระยาแล้ว ล่าสุดสถานีวัดน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาพบปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,909 ลบ.ม./วินาที ส่วนเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำสู่ท้ายเขื่อน 1,321 ลบ.ม./ต่อวินาทียังไม่ส่งผลกระทบ

เมื่อวันที่ 14 ก.ย.นายธีระพงษ์ วิมลจิตรานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.นครสวรรค์ เปิดเผยว่า ตามที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.)ประกาศเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม น้ำล้นทางระบายน้ำ ล้นอ่างเก็บน้ำ และน้ำล้นตลิ่ง 12-16 ก.ย. 64 เนื่องจากอิทธิพลจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ซึ่งในช่วงวันที่ 12-13 กันยายน มีมวลน้ำที่ไหลมาในพื้นที่มาจากจังหวัดพิจิตร กำแพงเพชร และพิษณุโลก ผ่านแม่น้ำน่าน และแม่น้ำปิง ไหลผ่านจ.นครสวรรค์ที่ต้นน้ำเจ้าพระยา ซึ่งระดับสูงขึ้นมาพอสมควร แต่เป็นอัตราการไหลที่ระดับแม่น้ำเจ้าพระยารองรับได้ ซึ่งยังไม่กระทบกับบ้านเรือนข้างเคียงแม่น้ำมากนัก แต่จะกระทบกับประชาชนที่มีการเลี้ยงปลาริมตลิ่ง 

ขณะที่ นายฐกร กาญจิรเดช ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุทัยธานี กล่าวว่า สืบเนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนบน และภาคกลาง การคาดหมายของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 10-13 ก.ย. ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียวใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่งผลให้มีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำสะแกกรัง ไหลลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ ล่าสุดในวันนี้ ตรวจวัดปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ วัดได้ 1,909 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำสู่ท้ายเขื่อนด้วยอัตรา 1,321 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งยังไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อพื้นที่ของจังหวัดอุทัยธานี และหากข้างหน้าถ้ามีอัตราปริมาณไหลผ่านสถานี C.2 จ.นครสวรรค์ เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเมื่อไหร่ จะส่งผลทำให้เกิดอุทกภัยอย่างแน่นอน.