posttoday

แรงงานเมียมานับพันลุกฮือในที่พักคนงานหวิดเกิดจลาจล

07 เมษายน 2564

สงขลา-แรงงานเมียนมาเกิดความเข้าใจผิดคิดว่านายจ้างหักหลังแจ้งตำรวจจับหลังจากลาออกจากงานเพื่อกลับประเทศทำให้เกิดความไม่พอใจผสมมีการปลุกระดมหวิดเกิดจลาจล

เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ของคืนวันที่ 6 เมษายน พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีแสง ผกก.สภ.คอหงส์ จ.สงขลา รับแจ้งเกิดเหตุชุลมุนขึ้นที่พักคนงานแรงงานชาวเมียนมา ของบริษัท โชติวัฒน์อุตสาหกรรมการผลิต จำกัด เป็นบริษัทผลิตอาหารทะเลบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของภาคใต้ ถนนสายเอเชีย เขตเทศบาลเมืองคอหงส์ อ.หาดใหญ่ โดยจุดที่แรงงานชาวเมียนมา รวมตัวกันอยู่บริเวณภายในที่พักคนงาน ตั้งอยู่ในซอยด้านหลังบริษัท โดยมีแรงงานชาวเมียมามากกว่า 1,000 คน ต่างลุกฮือและอยู่ในอาการไม่พอใจ และส่งเสียงตะโกนเป็นระยะ หลังจากที่เมื่อช่วงเย็นมีคนแรงงานเมียนมาที่ขอลาออกและกำลังจะเดินทางกลับเมียนมา ถูกควบคุมตัวจนเกิดความโกลาหลกันตามมา จนทางบริษัทต้องรีบโทรแจ้งตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้ามาช่วยระงับเหตุไม่ให้เกิดความรุนแรงบานปลายไปมากกว่านี้

ต่อมา พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา และ พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีแสง ผกก.สภ.คอหงส์ จ.สงขลา ได้นำกำลังตำรวจงานป้องกันปราบปราม และชุดควบคุมฝูงชน ทั้งของ สภ.คอหงส์ และ สภ.หาดใหญ่ รวมทั้งฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่เกือบ 100 นาย เข้ามาควบคุมพื้นที่ และเจรจากับทางกลุ่มแรงงานเมียนมา พร้อมกับขอให้ควบคุมสติอารมณ์ และหันมาเจรจาหาทางออกร่วมกัน

แรงงานเมียมานับพันลุกฮือในที่พักคนงานหวิดเกิดจลาจล

พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยว่า จากการสอบถามข้อมูลกับทั้งทางผู้แทนของบริษัทและทางกลุ่มแรงงานเมียนมา ทราบว่าบริษัทแห่งนี้มีแรงงานเมียนมาเข้ามาโดยถูกต้องตามกฎหมายทำงานมานานหลายปี ได้ขอลาออกจำนวน 20 คน โดยให้เหตุผลว่าต้องการกลับบ้านที่เมียนมา เนื่องจากมีญาติพี่น้องบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และเป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ของญาติพี่น้องที่บ้านเกิดมาก พร้อมกับบอกว่า มีการติดต่อกับทางนายหน้าเอาไว้แล้ว จนช่วงเย็น จึงได้พากันหอบข้าวของและทยอยกันเดินทางไปรอนายหน้าที่จุดนัดพบในพื้นที่ ต.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ และมีคนงานจากที่อื่นบางส่วนมาสมทบด้วย

ทั้งนี้ ปรากฏว่าจุดที่ไปรอนัดพบนายหน้าเป็นพื้นที่กลางชุมชน และชาวบ้านเห็นแรงงานเมียนมามารวมตัวกันมากผิดปกติ จึงรีบแจ้งตำรวจและทางอำเภอให้ช่วยเข้ามาตรวจสอบ ก่อนที่จะมีการควบคุมตัวและติดต่อกับทางบริษัท ให้ไปรับตัวกลับในเวลาต่อมา แต่แรงงานเมียนมาทั้ง 20 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเข้าใจผิด และคิดว่าทางบริษัทกลั่นแกล้งไม่ให้พวกตนเดินทางกลับบ้านเกิด และแจ้งให้ตำรวจมาจับจึงเกิดการปลุกปั่นกันขึ้นในที่พักคนงานที่มีแรงงานชาวเมียนมาอยู่มากกว่า 1,000 คน จนหวิดที่จะเกิดการจลาจลเกิดขึ้น

แรงงานเมียมานับพันลุกฮือในที่พักคนงานหวิดเกิดจลาจล

ภายหลังเหตุการณ์ยืดเยื้ออยู่นานเกือบ 4 ชั่วโมงจึงได้ข้อยุติในช่วงประมาณ 01.00 น. ได้มีการพยายามอธิบายเหตุผลให้กับทางแรงงานเมียนมาได้เข้าใจ โดยเฉพาะในประเด็นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านยังคงปิดกั้นพรมแดน และไม่สามารถเดินทางได้ในขณะนี้ พร้อมกับชี้แจงด้วยว่า การลักลอบเดินทางผ่านแดนโดยผ่านทางนายหน้านั้นผิดกฎหมาย ไม่ใช้การผ่านแดนแบบปกติถูกกฎหมาย และเสี่ยงกับการติดเชื้อโควิด-19 ด้วย โดยในครั้งนี้พบว่านายหน้าเรียกเก็บเงินค่าเดินทางคนละ 5,700 บาท และมีการเคลียร์ติดต่อขอคืนเงินกลับมาให้คน 5,000 บาท

ด้านผู้แทนของบริษัท ฯ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากจากความเข้าใจผิด แต่ยังโชคดีที่ไม่เกิดเหตุความรุนแรงไปมากกว่านี้ แต่เหตุการณ์ทั้งหมดได้ยุติกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและไม่มีทรัพย์สินเสียหาย หลังจากนี้จะมีการชี้แจงทำความเข้าใจ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องการสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อการเดินทางข้ามจังหวัด และเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด รวมทั้งการใช้ชีวิตและการทำงานที่ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันโควิด-19 กลุ่มแรงงานจำนวนไม่น้อยยังไม่ค่อยเข้าใจ และคิดว่าเป็นการบีบบังคับ ซึ่งทางบริษัทยืนยันว่า ได้ดูแลแรงงานทุกคนเป็นอย่างดี

แรงงานเมียมานับพันลุกฮือในที่พักคนงานหวิดเกิดจลาจล

แรงงานเมียมานับพันลุกฮือในที่พักคนงานหวิดเกิดจลาจล

แรงงานเมียมานับพันลุกฮือในที่พักคนงานหวิดเกิดจลาจล