เปิดรายงานไต่สวนคดีทหารพรานยิงชาวบ้านเสียชีวิต3ศพบนเทือกเขาตะเว
นราธิวาส-เปิดรายงานไต่สวนคดีทหารพรานยิงชาวบ้านเสียชีวิต3ศพบนเทือกเขาตะเว หัวหน้าชุดยอมรับรัวกระสุน13นัดลงมือพร้อมกันกับลูกน้อง ญาติยันฝ่ายผู้ตายไม่มีอาวุธ
กรณีเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 45 (ฉก.ทพ. 45) พื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ใช้อาวุธสงครามยิงชาวบ้านเสียชีวิต3ศพ ได้แก่ นายบูดีมัน มะลี นายมะนาซี สะมะแอ และนายฮาฟีซี มะดาโอะ ที่บริเวณเทือกเขาตะเว ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562
เพจมูลนิธิผสานวัฒนธรรมโพสต์ความคืบหน้าคดีนี้ว่า ศาลจังหวัดนราธิวาสนัดไต่สวนคดีนี้แล้วเมื่อระหว่างวันที่ 9-11มี.ค.64 คดีหมายเลขคดี ช.7 /2563 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 เพื่อพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต มีพนักงานอัยการฝ่ายผู้ร้องนำสืบพยานจำนวน 4 ปากและญาติของผู้ตายทั้ง3เป็นผู้ร้องซักค้าน
พยานที่นำสืบ4ปาก ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทหารพรานหัวหน้าชุดลาดตระเวนและเป็นผู้ลงมือยิงผู้ตายทั้ง3ด้วยกระสุนปืน14 นัดและมีอาสาสมัครทหารพรานผู้ใต้บังคับบัญชาอีกนายหนึ่งร่วมลงมือยิงผู้ตายอ้างว่าเมื่อวันเกิดเหตุขณะลาดตระเวนที่บริเวณเขาตะเว ได้พบกลุ่มบุคคล 4-5 คน ทหารจึงได้ซ่อนพรางกำบังตัวที่โขดหินแล้วตะโกนแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่แต่มีการยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ทหาร 3-4 นัดจึงยิงตอบโต้กลับไป เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3ศพต่อมาทราบว่าเป็นชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแถบเชิงเขาตะเว
สืบแพทย์ 2 ปากเป็นแพทย์ผู้ชันสูตรศพผู้ตายที่โรงพยาบาลอำเภอระแงะระบุว่า พบบาดแผลจากกระสุนปืนบริเวณศีรษะและอวัยวะสำคัญตามร่างกายของผู้ตายแต่ละคน ทำให้ผู้ตายทั้งสามเสียชีวิตวิถีกระสุนเป็นการยิงเข้าทางด้านหลังของผู้ตาย มีทั้งวิถีกระสุนที่ยิงจากบนลงล่าง และยิงจากล่างขึ้นบน
สืบพยานพนักงานสอบสวน 2 ปากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระแงะ ผู้ลงพื้นที่เกิดเหตุ ระบุว่าพบเพิงพัก ไม้แปรรูป และเครื่องมือเกี่ยวกับการตัดโค่นและแปรรูปไม้ อยู่บริเวณที่เกิดเหตุและใกล้ศพผู้ตายพบปลอกกระสุนปืน 1 ปลอก ใกล้ศพผู้ตายรายหนึ่ง แต่ไม่พบอาวุธปืนของฝ่ายผู้ตายไม่พบปลอกกระสุนปืนของฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารที่อ้างว่าลงมือยิงผู้ตายคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ มีหลายคดี ได้แก่ คดีชันสูตรพลิกศพผู้ตายที่ทำการไต่สวนการตายที่ศาล คดีที่เจ้าหน้าที่ทหารถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่น/ยิงผู้ตายทั้งสาม และคดีที่ผู้ตายทั้งสามถูกตั้งข้อหาว่าพยายาฆ่าเจ้าหน้าที่ทหาร
เพจมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุว่า คดีนี้ยังมีข้อน่าสงสัยหลายประการ เช่น ช่วงเวลาเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารอ้างว่าเหตุเกิดในวันที่ 16 ธ.ค.2562 ประมาณ 15.00 น. แต่ข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่าได้ยินเสียงปืนดังในช่วงเช้าของวันที่ 16 ธ.ค.2562 หลังเกิดเหตุเป็นเวลานานประมาณ 24 ชั่วโมงคือในวันที่ 17 ธ.ค. 2562 เวลาประมาณ 11.00 น.จึงมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ โดยมีพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ชุด EOD เท่านั้นเข้าพื้นที่เกิเดเหตุ ระหว่าง 24 ชั่วโมงดังกล่าวผู้ดูแลควบคุมพื้นที่เกิดเหตุก็คือเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดปฏิบัติการที่ยิงผู้ตายทั้งสาม แพทย์ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และพนักงานอัยการ ไม่ได้ลงพื้นที่เพื่อทำการชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ
กรณีเช่นนี้ตามกฎหมายได้กำหนดให้เจ้าพนักงาน 4 ฝ่าย ได้แก่ พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ พนักงานฝ่ายปกครอง(นายอำเภอ/ปลัดอำเภอ) และแพทย์ ร่วมกันทำการชันสูตรพลิกศพ ณ ที่เกิดเหตุ และการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโดยละเอียดแล้วไม่พบปลอกกระสุนปืนของฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารเลยทั้ง ๆ ที่เป็นอาวุธปืนสงครามประเภทยิงแล้วจะคัดปลอกกระสุนตกลง ณ จุดที่ยิงและเจ้าหน้าที่ทหารทำการยิงอยู่ ณ จุดเดียวที่บริเวณโขดหินซึ่งเป็นที่กำบัง เป็นต้น
ทั้งนี้ ญาติของผู้ตายทั้งสามยืนยันว่าผู้ตายทั้งสามเป็นชาวบ้านธรรมดาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแถบเชิงเขา มีวิถีชีวิตที่ต้องอาศัยป่าเป็นแหล่งทำมาหาเลี้ยงครอบครัว เช่น หาน้ำผึ้งป่า ตัดไม้มาทำประโยชน์ และหาของป่าต่าง ๆ เพื่อการยังชีพวันเกิดเหตุผู้ตายทั้งสามไม่มีอาวุธปืนใด ๆทั้งสิ้น ญาติผู้ตายทั้งสามจึงประสงค์เรียกร้องและดำเนินคดีจนถึงที่สุดเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมแก่ผู้ตายและครอบครัวต่อไป