เจ้าของโรงคอกหอยสุดหรูพร้อมสู้คดี-จ่ายค่าปรับ

เมื่อวันที่ 1ก.ย.63 พลเรือโท สำเริง จันทโส ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.)ภาค 2 และผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 พร้อมด้วยนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายเกียรติศักดิ์ เกษมพันธุ์กุล ประมงจังหวัด นายกรกฤธ ฉัตรวงศ์วิวัฒน์ เจ้าท่าส่วนภูมิภาค สาขาสุราษฎร์ ธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่ อส. ตำรวจน้ำ ทหารเรือ เจ้าท่าภูมิภาค ประมง พร้อมอุปกรณ์เข้ารื้อถอนที่พักบริเวณอ่าวบ้านดอน ในพื้นที่ ต.บางชนะ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ตามมาตรการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการบุกบุกพื้นที่สาธารณะอ่าวบ้านดอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันแรกปฏิบัติการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่เพาะเลี้ยงหอยแครงในอ่าวบ้านดอน มีเป้าหมาย 5 หลัง แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปตามเป้าหมายมีเจ้าของมาแสดงตัวทั้ง 5 หลัง ซึ่งขนำไม้หรูหลังใหญ่ 3 ชั้นหลังคากระเบื้องสีแดง ที่เจ้าหน้าที่นำคำสั่งรื้อถอนไปปิดประกาศไว้มีนายสุรพล อินทรวารี อายุ 56 ปี หรือหมอก้อง ชาว อ.พุนพิน เดินทางมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาความผิดตาม พรก.ประมง 2558 พรบ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ฐาน ก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ตามมาตรา 117 และมาตรา 62 ฐานความผิดก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างลงในที่จับสัตว์น้ำ และความผิดฐานละเมิดคำสั่งทางปกครอง เบื้องต้นนายสุรพล ให้การรับสารภาพเจ้าหน้าที่จึงเชิญไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อสอบปากคำ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายสุรพล กล่าวว่า ยอมรับเป็นเจ้าของขนำ พร้อมพิสูจน์ต่อสู้ในชั้นศาล และยอมจ่ายค่าปรับหากถูกตัดสินคดี

สำหรับ ความผิดตามมาตรา 117 พรบ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตามจำนวนพื้นที่กระทำผิดตารางเมตรละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนความความผิดฐานละเมิดคำสั่งทางปกครอง โทษปรับตารางเมตรละไม่เกิน 20,000 บาทต่อวัน ไปจนกว่าจะรื้อถอนแล้วเสร็จ ซึ่งกรณีขนำของนายสุรพล มีพื้นที่ก่อสร้างรวม 266 ตารางเมตร มีค่าปรับสูงสุดประมาณ 5.3 ล้านบาท ส่วนความผิดตามมาตรา 62 พรก.ประมง ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ไม่เกิน 1 ล้านบาท

ด้าน พลเรือโทสำเริง กล่าวว่า เป้าหมายการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในอ่าวบ้านดอนที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษและปิดหมายไว้แล้ว จำนวน 176 หลัง ขณะนี้มีเจ้าของรื้อถอนเองแล้ว 69 หลัง ยังคงต้องดำเนินรื้อถอนอีก 107 หลัง ซึ่งวันนี้มีผู้มาแสดงตนเพิ่ม 5 หลัง ส่วนที่เหลือหากผู้ครอบครองมีความประสงค์จะแสดงตนสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลาเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป