posttoday

สาวพนักงานห้างร้อง!เจอสรรพากรฟ้องเลี่ยงภาษี32ล้าน

08 กรกฎาคม 2563

สาวพนักงานห้างร้องทนายความ หลังถูกสรรพากรฟ้องเรียกเก็บฐานเลี่ยงภาษี 32 ล้านบาท เผยถูกแอบอ้างชื่อไปเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่ง ทั้งที่ความจริงทำงานห้างมีรายได้แค่วันละ300

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 63 น.ส.นันทวรรณ คุ้มศิริ อายุ 35 ปี พนักงานรายวันในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในย่านปู่เจ้าสมิงพราย ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรม กับ ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ที่สำนักงานเกรียงศักดิ์และเพื่อนทนายความการบัญชี หลังจากถูกกรมสรรพากรเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง โดยกล่าวหาว่าเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่ง และได้หลบเลี่ยงภาษีเป็นเงิน 32 ล้านบาท

น.ส.นันทวรรณระบุว่า ทำงานเป็นพนักงานห้างสรรพสินค้า มีรายได้ 300 กว่าบาทต่อวันเท่านั้น หากเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจริง ก็คงไม่ต้องมาทำงานเป็นพนักงานห้างสรรพสินค้าแบบนี้ โดยที่ผ่านมา กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้ออกหมายเรียกให้ไปพบ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาฐานหลีกเลี่ยงภาษีก็ได้ไปตามหมายเรียกและยืนยันว่าไม่ได้เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ให้ไปพบพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี2 เพื่อฟังคำสั่ง หรือส่งตัวฟ้องศาล ในวันที่ 13 ก.ค.63

หญิงผู้เสียหายระบุว่า ไม่รู้ว่าตนเองถูกสวมสิทธิ์หรือว่าไปพลาดอะไรตรงไหน เพราะอยู่ดีๆก็มีหมายเรียกมาและก็ได้ปฏิเสธและแสดงหลักฐานว่าไม่ได้เป็นประธานกรรมการบริษัทตามที่ถูกอ้าง แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้ไปพบอัยการเพื่อฟังคำสั่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บอกด้วยว่า คดีแบบนี้รุนแรงเป็นคดีเศรษฐกิจ และถ้าเกิดไม่มีเงินประกันต้องติดคุก ซึ่งเงินประกันหลักทรัพย์ประมาณ 2 แสน ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเงินมาจากไหน

ด้าน ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องมาแล้ว ดังนั้นในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ก็ต้องไปที่อัยการ เพื่อทำคำร้องขอความเป็นธรรม เพราะว่าต้องการให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบชื่อของผู้เสียหายเป็น กรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว แต่อย่างใด ซึ่งตรงนี้ก็ต้องทำเอกสารไปยื่นต่ออัยการ เพื่อให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง สุดท้ายถ้าเข้าสู่ระบบการของศาลแล้ว เชื่อว่าศาลยกฟ้อง แต่ระหว่างนั้นก็หาวิธีขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือใช้ กำไล EM เพราะมีสิทธิ์ที่จะร้องขอศาลซึ่งจะลองขอดู ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่ในดุลพินิจของศาล คือเขาไม่ผิดก็ไม่อยากให้เขาติดคุก เพราะเขาไม่รู้เขาเป็นชาวบ้านธรรมดาเขาไม่รู้ว่าจะหาเอกสารอะไรไปชี้แจง