posttoday

ผลชันสูตร "น้องชมพู่"ไม่พบถูกล่วงละเมิดฯ ญาติรับศพถึงบ้านเกิด

16 พฤษภาคม 2563

มุกดาหาร-เผย ผลชันสูตรศพ "น้องชมพู่" วัย 3 ขวบ ไม่พบมีการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ญาติรับศพกลับบ้านเกิแล้ว ตร.ยังเร่งสางปมฆาตกรรม ไล่สอบกลุ่มต้องสงสัย เก็บตัวอย่างเทียบผลดีเอ็นเอยืนยัน คาดฝีมือคนในพื้นที่

ความคืบหน้า กรณีการเสียชีวิต ถูกฆาตกรรมทิ้งศพในป่า ของ น้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวปริศนาตั้งแต่เช้าวันที่ 11 พ.ค. 2563 จนกระทั่งพบศพเมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 พ.ค. ในสภาพเปลือยกาย ในป่าเขาภูพานน้อย ห่างจากบ้านพัก ในพื้นที่ บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต. อรรคพงศ์ พิมลศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สุริยา นภกรีกำแหง สารวัตรใหญ่ สภ.กกตูม ร่วมกับ ชุดสืบสวนในพื้นที่ และชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 รวมถึง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่ม เติม สอบพยานแวดล้อม ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา เพื่อเร่งสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจาก การตรวจสอบสภาพศพ เบื้องต้น ทางตำรวจมั่นใจว่า การเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากการพลัดหลงป่า แต่มีคนร้ายนำตัว น้องชมพู่ เข้าไปในป่าลึก ก่อนที่จะเสียชีวิต อีกทั้งยังมีสภาพเปลือยกาย ทั้งนี้ ได้มีการสืบสวนเชิงลึก ในพื้นที่ เพื่อเร่งสอบปากคำ พยานแวดล้อม บุคคลในครอบครัว หาปมฆาตกรรม จนกระทั่งได้มีการ นำตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 1 ราย มาสอบสวน เก็บหลักฐานเพื่อตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ นำไปเทียบเคียงกับหลักฐานในที่เกิดเหตุ หลังมีการสืบสวนสอบสวน เชิงลึก ที่อาจจะเชื่อมโยงถึงการเสียชีวิต เพราะเป็นบุคคลที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และอยู่ในพื้นที่ แต่ยังไม่มีความชัดเจน จะต้องรอผลการตรวจยืนยันตามขั้นตอน โดยทางตำรวจยังมีการลงพื้นที่สอบสวน ติดตามกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ต่อเนื่อง จนกว่าจะมีความชัดเจน

ส่วนผลการชันสูตรศพของน้องชมพู่ หลังตำรวจได้ นำศพไปชันสูตร ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ทางแพทย์ ได้ระบุผลการตรวจชันสูตรเบื้องต้น พบว่า ผู้ตายได้เสียชีวิตมาประมาณ 2 วัน แต่ไม่ได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ไม่มีบาดแผลการถูกทำร้าย ที่จะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต เนื่องจากอวัยวะเพศ ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย มีเพียงในกระเพาะอาหารที่พบของเหลว ประมาณ 10 ซีซี ซึ่งทางแพทย์ได้เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียด รอผลยืนยันอีกครั้ง และยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุการเสียชีวิตได้ชัดเจน ต้องรอการตรวจพิสูจน์อีกครั้ง

ขณะเดียวกันทางด้านชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกับ ชุดสืบสวน สภ.กกตูม ยังคงเร่ง เดินหน้า ในการ สืบสวนสอบสวน คลี่คลายปมการเสียชีวิต ของน้องชมพู่ เพราะจากการสอบสวน ตรวจสอบพยานหลักฐาน เบื้องต้นไม่สามารถสรุปได้ว่า เสียชีวิตจากการพลัดหลงป่าเพียงลำพัง แต่เกิดจากการกระทำของบุคคลอื่นที่นำพาตัวไปนำมาสู่การฆาตกรรมทิ้งศพ ซึ่งจะต้องเร่งติดตามหาคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพของน้องชมพู่ หลังทำการชันสูตร ทางโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ส่งคืนให้ พ่อแม่ และญาติพี่น้อง ได้รับศพกลับมา เพื่อจะประกอบพิธีทางศาสนาในช่วงเย็นวันที่ 15พ.ค.แล้ว ซึ่งมีญาติพี่น้อง ต่างเฝ้ารอรับศพด้วยความสงสาร และยังเกิดความหวาดวิตกกันทั้งหมู่บ้านกับเหตุการที่เกิดขึ้น และต่างเรียกร้องให้ตำรวจเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.ชัชชัย วงค์สุนะ รอง ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร เปิดเผยว่า ขณะนี้ในการสืบสวนสอบสวน ทางตำรวจได้ระดมทีมลงพื้นที่ทั้งสอบสวนพยานแวดล้อม เก็บหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี โดยจากการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น มีประเด็นสำคัญคือ น้องชมพู่ มีอายุ แค่ 3 ขวบ เป็นเรื่องยากที่จะเดินพลัดหลงป่าเข้าไปในจุดเกิดเหตุได้ ต้องมีคนพาไป แต่ต้องขึ้นกับกองพิสูจน์หลักฐาน ส่วนการตรวจสอบสภาพศพพบว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 2 วัน โดยในการตรวจพิสูจน์จะต้องมีการเก็บหลักฐานโดยละเอียดทุกจุด เชื่อว่าหากเป็นการฆาตกรรมจะต้องทิ้งหลักฐานแน่นอน สำหรับการดำเนินคดีเราจะเริ่มจากการสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจน ประกอบผลการชันสูตรทางการแพทย์ เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามคนร้าย ซึ่งขอเวลาทำงานอีกระยะหนึ่ง และในส่วนของคนร้ายเรายังไม่ชัดเจนว่าได้ผู้ต้องสงสัย เพียงแต่มีการไล่ตรวจสอบ และนำบุคคลที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง มาสอบสวน เก็บหลักฐาน ตามกระบวนการ ต้องนำข้อมูลทุกฝ่ายมาพิจารณา เชื่อมั่นว่า หากเป็นการฆาตกรรมจะต้องสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้อย่างแน่นอน โดยเป้าหมายของคนร้ายดูจากหลักฐาน รวมถึงพื้นที่เกิดเหตุให้น้ำหนักไปที่คนในพื้นที่ คาดว่าจะต้องเป็นคนที่รู้จักพื้นที่และชำนาญเส้นทางพอสมควร ก่อเหตุครั้งนี้ขอเวลาตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน เชื่อว่าจะชัดเจนอย่างแน่นอน