posttoday

พี่เจ็บใจน้องสาวถูกข่มขืนตำรวจไม่ดำเนินคดีคู่กรณีโพสต์FBขอความเป็นธรรม

12 กุมภาพันธ์ 2563

ขอนแก่น-สาวเมาขี่จยย.ชนท้ายกระบะถูกเจ้าของข่มขืนแจ้งความตำรวจกลับไม่ดำเนินคดี โพสต์เฟซบุ๊กเล่าเรื่องราวหวังพึ่งโซเชียล ผกก.ย้ำให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ TK Tassaneeya ได้โพสต์ข้อความ คลิปและภาพนิ่ง อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนท้ายกระบะ มีผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นน้องสาว แต่กลับถูกคนขับรถกระบะลากไปข่มขืน ต่อมามีการไปแจ้งความฝ่ายผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพ และผลการตรวจภายในผู้เสียหายก็ยืนยันว่าถูกข่มขืนจริง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับปล่อยตัวผู้ก่อเหตุกลับบ้าน เหตุเกิดที่อ.สัชมพู จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2563

ขณะที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากไปเที่ยวบ้านเพื่อนก็เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนท้ายรถยนต์กระ ยี่ห้อนิสสัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จนรถจักรยานยนต์ล้มกลางถนนขณะนั้นมีชายหญิงขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาประสบเหตุ จะเข้าช่วยเหลือ แต่ชาย อายุประมาณ 25-30 ปี ซึ่งเป็นคนขับกระบะลงมาดูและบอกว่า จะดูแลและช่วยเหลือเอง ชายหญิงคู่ดังกล่าวเห็นว่าไม่มีอะไรจึงพากันขี่รถจักรยานยนต์ออกไป จากนั้นชายคนขับรถยนต์กระบะได้ลากเข้าไปในป่าข้างทางและทำการข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ พยายามร้องขอความช่วยเหลือและต่อสู้ แต่เจ็บเนื้อตัว ที่เกิดจากอุบัติเหตุ จึงไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้ ทำให้คนร้ายใช้กำลังข่มขืนจนสำเร็จ หลังจากนั้นคนขับรถยนต์พยายามจะหนีจึงรั้งเอาไว้ด้วยการนั่งที่เบาะคนขับ ประมาณ 30 นาที เพื่อนและพี่สาวมาถึงที่เกิดเหตุ

ขณะนั้นยังไม่กล้าบอกพี่สาวว่าถูกข่มขืน ส่วนคนขับรถยนต์เรียกญาติพี่น้องมาเคลียร์เรื่องอุบัติเหตุและเห็นว่าหนูมีอาการเมา จึงได้เรียกตำรวจมาที่เกิดเหตุ เพื่อจะจ่ายค่าทำขวัญให้ 500 บาท แต่ตกลงกันไม่ได้ ตำรวจจึงให้ไปที่ สภ.สีชมพู และส่งไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่ รพ.สีชมพู พบปริมาณแอลกอฮอล์ ตำรวจจึงแจ้งข้อหากับตนเองในข้อหาเมาแล้วขับ จังหวะดังกล่าวจึงตัดสินใจบอกพี่สาวว่า ถูกคนขับรถยนต์ข่มขืนในป่าข้างทาง ใกล้จุดที่เกิดอุบัติเหตุ พี่สาวจึงได้แจ้งตำรวจ ตำรวจจึงนำตัวคนขับรถยนต์ไปสอบสวน ซึ่งคนขับรถยนต์ก็รับสารภาพว่า ข่มขืนหนูจริง ตำรวจได้ส่งตัวหนูไปตรวจภายในที่ รพ.สีชมพูอีกครั้ง ซึ่งแพทย์ก็บอกว่า พบคราบอสุจิและมีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง แต่ตำรวจก็ปล่อยตัวคนขับรถไป ซึ่งหนูขอยืนยันว่า หนูจะไม่ยอมความและขอให้ตำรวจจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ถึงที่สุด

ขณะที่พี่สาวผู้เสียหายเล่าวว่า หลังจากที่ทราบว่าคนขับรถกระบะข่มขืนน้องสาว ได้ส่งตัวไปตรวจภายในที่รพ.แพทย์แจ้งด้วยวาจาว่า มีคราบอสุจิและมีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่ตำรวจ สภ.สีชมพูกลับปล่อยตัวคนขับรถยนต์ไป โดยไม่มีการแจ้งข้อหาใดๆ ทั้งยังบอกกับทางครอบครัวว่า ไม่มีพยานหลักฐาน ไม่สามารถจับกุมตัวได้ จึงเป็นที่คลางแคลงใจเป็นอย่างมากว่า คนร้ายรับสารภาพต่อหน้าแท้ๆยังไม่สามารถทำอะไรได้ และยังไม่มีการสอบปากคำ ไม่มีการรับแจ้งความใดๆ ดังนั้น ช่วยให้ความเป็นธรรมกับน้องสาวและครอบครัวเราด้วย ยืนยันว่า ครอบครัวเราจะเอาเรื่องตามกฏหมายให้ถึงที่สุด ไม่มีการไกล่เกลี่ย ยอมความเด็ดขาด”

ด้านพ.ต.อ.จำรัส ไชยศักดิ์ ผกก.สภ.สีชมพู กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ต้องแยกออกเป็น 2 กรณีคือ กรณีเมาแล้วขับและกรณีข่มขืนอนาจาร ในส่วนของเมาแล้วขับมีการแจ้งข้อหากับผู้เสียหายไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีข่มขืนถึงแพทย์จะระบุร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ก็ใช่ว่าจะเป็นการข่มขืน ซึ่งในจุดนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องรวบรวมพยาน หลักฐาน และสอบสวนรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากว่าการข่มขืนก็ต้องดูในรายละเอียดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นสมยอมหรือไม่ หรือข่มขืนด้วยเหตุใด แต่ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย