posttoday

หนุ่มปากีฯก่อคดีฉ้อโกงในไทย เศร้าเพิ่งทราบมารดาเสียชีวิต

18 มกราคม 2563

เพชรบูรณ์ - ตม.ส่งหนุ่มปากีสถานฉ้อโกงร้านค้าทวงเงินทอนดำเนินคดีที่สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ศาลสั่งปรับโทษจำให้รอลงอาญา งัดมือถือโชว์รูปแม่เพิ่งทราบว่าเสียชีวิต ล่ามถึงกลับปล่อยโฮด้วยความสงสาร

เพชรบูรณ์ - ตม.ส่งหนุ่มปากีสถานฉ้อโกงร้านค้าทวงเงินทอนดำเนินคดีที่สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ศาลสั่งปรับโทษจำให้รอลงอาญา งัดมือถือโชว์รูปแม่เพิ่งทราบว่าเสียชีวิต ล่ามถึงกลับปล่อยโฮด้วยความสงสาร

ความคืบหน้ากรณีชาวต่างชาติสัญชาติปากีสถาน มีพฤติกรรมฉ้อฉแลหลอกล่อซื้อสินค้าโดยพูดภาษาอังกฤษวกวน พยายามสร้างความสับสนให้แก่ร้านค้าแล้วทวงเงินทอนหลังอ้างว่าจ่ายเงินให้แล้ว จนร้านค้าและห้างดังที่จ.เพชรบูรณ์และในหลายจังหวัดตกเป็นเหยื่อหลายราย

ต่อมามีการแจ้งเตือนภัยทางสื่อโซเชียลมีเดีย จนเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) จ.เพชรบูรณ์ ได้รับการประสานจาก เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 กทม.ว่าสามารถจับกุมชายต่างชาติรายนี้ได้เรียบร้อยแล้ว พร้อมแจ้งให้รับตัวไปดำเนินคดีในท้องที่เกิดเหตุที่จ.เพชรบูรณ์

ที่.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ พ.ต.ต.ภูวดล ภูมี สว.ตม.จ.เพชรบูรณ์ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ตม.จ.เพชรบูรณ์ ได้นำนายมูฮัมหมัด อามิน อายุ 31 ปี สัญชาติปากีสถานซึ่งถือหนังสือเดินทางนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย ส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ดำเนินคดีในข้อฉ้อโกง ตามที่มีผู้เสียหาย 2 รายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ

ในการสอบสวนนายมูฮัมหมัดให้การผ่านล่ามชาติเดียวกันโดยให้การรับสารภาพพนักงานสอบสวนจึงควบคุมตัวส่งให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องต่อศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ กระทั่งศาลมีคำตัดสินลงโทษปรับ ส่วนโทษจำให้รอลงอาญา และเตรียมผลักดันกลับและทำการเก็บประวัติเพราะถือว่าพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศไทยต่อไป

อย่างไรก็ตามระหว่างการสอบปากคำนายมูฮัมหมัดให้การว่า มารดาเพิ่งเสียชีวิตและเพิ่งจากมาทราบขณะติดต่อกลับไปบ้านที่ประเทศปากีสถาน จึงอยากจะกลับบ้านพร้อมงัดโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปมารดาให้ทางล่ามชาวปากีสถานสัญชาติเดียวกันชมดู จากนั้นได้หลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจพร้อมกับบอกว่าอยากจะกลับบ้านแล้ว จนทำให้ล่ามสัญชาติเดียวกันถึงกับปล่อยโฮด้วยความสงสารตามไปด้วยเช่นกัน

พ.ต.ต.ภูวดล ภูมี กล่าวว่า คดีนี้สิ้นสุดแล้วทางตม.เพชรบูรณ์ก็จะผลักดันชาวต่างชาติรายนี้กลับไปยังประเทศภูมิลำเนาเดิม อย่างไรก็ตามคดีนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายและมีการบูรณาการเจ้าหน้าที่จากหลายภาคส่วน รวมทั้งได้เบาะแสและความร่วมมือจากชาวโซเชียลที่ช่วยกันตามเบาะแสพร้อมช่วยแจ้งเตือนภัย จนทำให้ปิดคดีนี้ได้เป็นผลสำเร็จ