posttoday

หนุ่มรพ.แจงไม่ได้ฆ่านกเงือก-ลิงรับประทานฉลองเคาท์ดาวน์

03 มกราคม 2563

อุบลราชธานี-"ก่อนจะประณามผม ขอให้ตรวจสอบก่อน" หนุ่มร.พ.น้ำยืน ยันไม่ได้ฆ่านกเหงือก-ลิงรับประทานฉลองเคาท์ดาวน์ เป็นภาพเก่าถ่ายมาจากตลาดชายแดนฝั่งกัมพูชา เผยทำโทรศัพท์มือถือหายก่อนเกิดเรื่อง คาดฝีมือผู้ไม่หวังดี

อุบลราชธานี-"ก่อนจะประณามผม ขอให้ตรวจสอบก่อน" หนุ่มร.พ.น้ำยืน ยันไม่ได้ฆ่านกเงือก-ลิงรับประทานฉลองเคาท์ดาวน์ เป็นภาพเก่าถ่ายมาจากตลาดชายแดนฝั่งกัมพูชา เผยทำโทรศัพท์มือถือหายก่อนเกิดเรื่อง คาดฝีมือผู้ไม่หวังดี

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ศุภชัย คำโส" โพตส์ภาพซากนกเงือกและลิง พร้อมข้อความระบุว่า "ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กับแกล้มคนบ้านนอกก็ประมาณนี้แหละครับ" ทำให้เกิดกระแสในโลกโซเชียลออกมาประนาณผู้โพตส์จำนวนมาก

ต่อมา นายศุภชัย คำโส อายุ 38 ปี พนักงานธุรการ ศูนย์สุขภาพชุมชนโรงพยาบาลประจำอำเภอน้ำยืน เข้าพบพ.ต.ต.นิรุตต์ สีหานาม สว.สส.สภ.น้ำยืน และ พ.ต.ท.อรรคนิธิ์ แสงสุนีย์ รอง ผกก.ป.สภ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อให้ข้อมูลแหล่งที่มาของซากสัตว์ป่าทั้ง 2 ชนิดที่ปรากฏในภาพ

นายศุภชัย กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้เป็นผู้โพสต์ภาพและข้อความดังกล่าว แต่ยอมรับว่าได้ถ่ายภาพนี้เอาไว้ เมื่อวันที่ 20ม.ค.62 หรือเมื่อปีที่แล้ว จากฝั่งตลาดชายแดนชาวบ้านกัมพูชา ตั้งอยู่บ้านสะเตียลกวาง อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร ขณะขึ้นไปทำหน้าที่หน่วยปฐมพยาบาล อำนวยความสะดวก ดูแลนักวิ่งที่ทางโรงพยาบาลจัดวิ่งเพื่อสุขภาพขึ้นไปยังช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน ซึ่งมีการนำซากสัตว์ป่าที่พรานชาวกัมพูชาฆ่ามาวางขายในตลาด ไม่ได้เป็นคนฆ่าหรือนำซากสัตว์ดังกล่าวกลับมาปรุงทำเป็นอาหารตามที่โพสต์ในคืนเคาท์ดาวน์

"คืนวันที่ 31 ธ.ค.ซึ่งเป็นคืนเกิดเรื่องผมฉลองปีใหม่จนเมาหนัก และนอนน็อคอยู่ที่บ้านพัก ขณะนั้นไม่ทราบว่า โทรศัพท์เครื่องที่บันทึกภาพซากสัตว์ที่ถ่ายมานานแล้วหายไป กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น มีเพื่อนมาหาที่บ้านพักและเล่าให้ฟังมีการโพสต์ภาพสัตว์ป่าสงวน จึงพยายามตามหาโทรศัพท์ แต่ไม่พบ จึงยืมโทรศัพท์เพื่อนโทรเข้าหาโทรศัพท์ของตนเอง มีเสียงเรียกและมีคนรับสาย แต่ไม่พูดหลังจากนั้นก็ปิดเครื่องไปเลย จึงได้เข้าแจ้งความเป็นหลักฐานไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.น้ำยืน ตั้งแต่สายของวันที่ 1 ม.ค.63"

มาวันนี้ ก็ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ทำเหมือนกับข้อความที่โพสต์แต่อย่างใด พร้อมนำชุดสืบสวนของ สภ.น้ำยืน เดินทางไปที่ด่านพรมแดนช่องอานม้า เพื่อเข้าไปดูตลาดขายซากสัตว์ป่าของชาวกัมพูชา เพื่อยืนยันแหล่งที่มาของซากสัตว์ที่ปรากฏในภาพ เป็นซากสัตว์จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่ซากสัตว์ในประเทศไทย พร้อมยังให้ข้อมูลด้วยว่า สำหรับคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ตลาดแห่งนี้ ถ้าจะซื้อซากสัตว์กลับเข้ามาในประเทศไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะมีเจ้าหน้าที่ของไทยหลายหน่วยงานคอยตรวจตราและจับกุม ซึ่งถ้าต้องการกินอาหารป่า ต้องให้พ่อค้าชาวกัมพูชาเป็นผู้ปรุงและกินอยู่ตรงตลาดของกัมพูชา ไม่สามารถนำทั้งซากหรืออาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์เหล่าข้ามมายังฝั่งไทยได้ เพราะผิดกฏหมาย

นายศุภชัย ยังกล่าวถึงโลกโซเชียลที่เข้ามาประณามว่าเอาซากสัตว์ป่ามาปรุงอาหารรับเคาท์ดาวน์ ก่อนจะต่อว่าควรตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถูกต้องก่อนเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ไม่ใช่เอาแต่โจมตีโดยไม่สืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะทำให้ได้รับความเสียหายไปด้วย

ทั้งนี้ ชุดสืบสวนและหน่วยงานเกี่ยวกับสัตว์ป่าอื่นๆ ก็ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหานายศุภชัยแต่อย่างใด