เซียนพระดังแจ้งความจับอดีตภรรยาลักทรัพย์16.3ล้านบาท

ฉะเชิงเทรา-ไม่เคยตบตีทำอย่างนี้ได้ไง!"ตั้มแปดริ้ว"เซียนพระชื่อดังระดับประเทศเข้าแจ้งความตำรวจถูกอดีตภรรยาและอดีตแม่ยายรวมหัวกันลักทรัพย์16.3ล้านบาท

นายกิตติ พจนานุภาพ อายุ 38 ปี หรือ "ตั้มแปดริ้ว" เซียนพระชื่อดัง ทายาทเจ้าของกิจการปั้มน้ำมัน และธุรกิจขนส่งสินค้ารายใหญ่ในจ.ฉะเชิงเทราเข้าแจ้งความกับร.ต.อ.สุริยันต์ แก้วพิฑูลย์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.พนมสารคามว่าถูกอดีตภรรยาและอดีตแม่ยายร่วมกันลักทรัพย์สินจากภายในตู้เซฟบนห้องนอนซึ่งเป็นพระเครื่องเนื้อพิเศษ และเนื้อทองคำ จำนวนกว่า 300 องค์ เงินสด 3 แสนบาท และใช้บัตรกดเงินสดเพื่อใช้จ่ายในการปลูกสร้างบ้านรวม 4 ธนาคารไปอีก 11 ล้านบาท รวมมูลค่า6.3 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 27 พ.ค.62ก่อนที่จะทราบว่าทรัพย์สินได้สูญหายไปวันที่ 28 พ.ค.62 จากนั้นจึงได้พยายามติดต่อกับทางอดีตภรรยาแต่เขาไม่ยินยอมพูดคุยด้วย และไม่รับโทรศัพท์ จึงได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.พนมสารคาม

"อดีตภรรยาเดิมทีเป็นพนักงานล้างรถอยู่ภายในปั้มน้ำมันซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวเมื่อกว่า 20 ปีก่อน และได้มาชอบพอรักใคร่อยู่กินด้วยกันมานานถึงเกือบ 20 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน วัย 11 ขวบ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยตบตีหรือมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันมาก่อน แต่อยู่ดีๆ ภรรยากลับลักทรัพย์สินจากภายในตู้เซฟจำนวน 2 ใบ" นายกิตติ กล่าว 

การนำทรัพย์สินกลับมาไว้ยังที่บ้านเกิดใน อ.พนมสารคามเพราะเริ่มเบื่อหน่ายต่อการใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานครจึงได้เตรียมที่จะกลับมาปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ใน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 2 หลังบนที่ดินของมารดา และได้โอนเงินเข้าบัญชีของอดีตภรรยา เพื่อให้ไว้ใช้จ่ายเป็นค่าก่อสร้างบ้านเนื่องจากได้รับว่าจะมาดูแลการก่อสร้างให้ไม่คิดว่าจะมาถูกเชิดเอาเงินและทรัพย์สินหลบหนีไป

ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.สุริยันต์ แก้วพิฑูลย์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.พนมสารคาม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า วันนี้อดีตภรรยาของนายกิตติได้ให้ทนายติดต่อนัดหมายเพื่อที่จะเข้ามาให้ปากคำตามหมายเรียกแล้วแต่เมื่อถึงเวลานัดหมายกลับไม่ยินยอมเข้ามาพบเมื่อติดต่อไปยังทางทนายความได้รับคำตอบว่า ได้มีการขอเปลี่ยนตัวทนายความแล้วจึงไม่ได้เดินทางมาตามนัด

คดีนี้ผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา "ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะในการหลบหนี" และจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อทางน้องชายของผู้ถูกกล่าวหาด้วย ในข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในการหลบหนี" หลังผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าน้องชายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการนำพาเอาทรัพย์สินไป ร.ต.อ.สุริยันต์ กล่าว