posttoday

ทนายเผย "เปรี้ยว" ไม่ยื่นอุทธรณ์โทษคุก33ปี9เดือนคดีฆ่าหั่นศพแอ๋ม

14 พฤษภาคม 2561

ทนายเผย "เปรี้ยว" ไม่ยื่นอุทธรณ์โทษจำคุก33ปี9เดือนคดีฆ่าแอ๋ม ขณะที่เพื่อนร่วมแก๊งยื่นทั้งหมดชี้โทษที่ได้รับสูงเกินไป ด้าน ญาติแอ๋มย้ำเดินหน้าอุทธรณ์คดีมั่นใจเป็นการวางแผนตั้งใจฆ่า

ทนายเผย "เปรี้ยว" ไม่ยื่นอุทธรณ์โทษจำคุก33ปี9เดือนคดีฆ่าแอ๋ม ขณะที่เพื่อนร่วมแก๊งยื่นทั้งหมดชี้โทษที่ได้รับสูงเกินไป ด้าน ญาติแอ๋มย้ำเดินหน้าอุทธรณ์คดีมั่นใจเป็นการวางแผนตั้งใจฆ่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาล จ.ขอนแก่น ได้มีคำพิพากษาในคดีร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย น้องแอ๋ม โดยมีคำสั่ง จำคุกจำเลยที่ 1 น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว และ จำเลยที่ 2 น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิน คนละ 34 ปี 6 เดือน ,จำเลยที่ 3 น.ส.จิดารัตน์ พรมคุณ หรือเบนท์ จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา,จำเลยที่ 4 นายวศิน นามพรม จำคุก 23 ปี 4 เดือน 20 วัน และ จำเลยที่ 5 น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ จำคุก 33 ปี 9 เดือน รวมทั้งการชดใช้ค่าเสียหายให้กับครอบครัวของน้องแอ๋ม รวม 1,170,000 บาท แยกเป็นค่าปลงศพ 100,000 บาท และค่าอุปการะเลี้ยงดู 1,070,000 บาท โดยคิดเป็นอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.2560 ซึ่งเป็นวันก่อเหตุฆาตกรรมนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พ.ค. นายอมรพงศ์ จันทร์กวี ทนายความของ น.ส.ปรียานุช กล่าวว่า ขณะนี้ทีมทนายความได้หารือร่วมกับลูกความและครอบครัวของลูกความแล้ว โดยที่ น.ส.เปรี้ยวพอใจกับคำตัดสินของศาลชั้นต้น และไม่ขอใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ใดๆ โดยมีความต้องการรับโทษตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษามา

ขณะที่จำเลยที่ 2 น.ส.เอิน ซึ่งศาลตัดสินจำคุกเท่ากันกับ น.ส.เปรี้ยว เจ้าตัวขอใช้สิทธิ์อุทธรณ์ เนื่องจากอ้างว่าไม่มีเจตนาให้น.ส.วริศราถึงแก่ความตายโดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการตกกระไดพลอยโจนไม่ได้มีเจตนาฆ่าแต่อย่างใด จึงมองว่าโทษที่ได้รับสูงเกินไป

นายอมรพงศ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของจำเลยคนอื่นนั้น ทราบว่าทุกคนจะขอใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันตามระเบียบ ซึ่งการยื่นอุทธรณ์ขณะนี้ยังไม่สามารถขอคัดคำพิพากษาได้ เพราะอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของทางศาลให้ละเอียดครบถ้วนทุกตัวอักษร เมื่อทำการตรวจสอบเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ก็จะขอยื่นอุทธรณ์ทันที

ขณะที่ นายนพดล สีดาทัน ทนายความของครอบครัวน.ส.วริศรา กล่าวว่า ยังยืนยันในการใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากครอบครัวเห็นว่า การกระทำของคนที่ฆ่าน้องแอ๋มนั้นไม่ได้พลั้งมือ แต่เป็นความตั้งใจละมีการวางแผนมาอย่างดี มีการหลอกล่อน้องแอ๋มออกมา และถ้าไม่มีการวางแผนหรือคิดร้ายกับน้องแอ๋ม ทำไมถึงต้องหลบซ่อนตัว จึงได้ยื่นฟ้องในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ, ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร มีเพียง น.ส.เบนท์ ถูกตั้งข้อหารับของโจร เพียงข้อหาเดียว

"นอกจากนี้เพิ่งทราบว่า น้องแอ๋มถูกกล่าวหาว่า ด่าบุพการีของฝ่ายจำเลยที่1ว่าเป็นโสเภณี ทำให้จำเลยที่ 1 โกรธจึงมีการต่อสู้กันในรถยนต์ จนน้องแอ๋มก็เสียชีวิต และมีการหั่นศพในเวลาต่อมา ซึ่งคำพูดที่ยกมากล่าวอ้าง ใครๆก็พูดได้ เพราะน้องแอ๋มตายไปแล้วไม่มีโอกาสมานั่งแก้ตัว และคำพูดนี้มีผลต่อการตัดสินในคดีอาญาที่ลงโทษจำเลยน้อยกว่าโทษจำคุกตลอดชีวิต จึงมีการปรึกษากันและจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวภายใน 30 วัน เพราะที่ผ่านมาได้ยื่นฟ้องในมาตรา 289 ตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน แต่ศาลพิจารณาโทษตามมาตรา 288 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งครอบครัวยืนยันจะขอยื่นอุทธรณ์ทันทีหลังคัดคำสั่งศาลแล้วเสร็จ"นายนพดลกล่าว

ภาพประกอบข่าวจากแฟ้มภาพ