เวนิสกรุงเทพฯ เส้นทางแห่งการผจญภัย
มันทำให้ผมประหม่าทันทีที่กลับมาขึ้นเรือคลองแสนแสบอีกครั้ง เพราะรู้เลยว่า
โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม
มันทำให้ผมประหม่าทันทีที่กลับมาขึ้นเรือคลองแสนแสบอีกครั้ง เพราะรู้เลยว่า ถ้ายังผูกเชือกรองเท้าไม่แน่นก็มีโอกาสพลัดตกในคลองแสนแสบเหมือนที่เคยเกิดกับหลายคน
การลงเรือต้องมีความชำนาญ รู้มุมที่ต้องเหยียบกาบเรือ การจับเชือกโน้มตัวจากท่าลงเรือที่ต้องแม่นยำ มิฉะนั้นอาจเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากคลื่นที่โคลงเคลง ถ้าไม่เป๊ะจริงอาจก้าวพลาดตกคลองได้
วันนั้นด้วยเหตุที่เอารถส่งซ่อมเลยต้องเดินทางไปทำงานด้วยรถสาธารณะ ชีวิตจึงเหมือนผจญภัยในเมืองหลวง ในสมัยที่ยังไม่มีรถใช้
แค่เป้าหมายจากนนทบุรี มาออฟฟิศย่านคลองเตย และจากคลองเตยมีนัดหมายไปสนามหลวงแล้วกลับนนทบุรี วันเดียวใช้เกือบครบทุกประเภท เดินๆๆๆ ขึ้นวินมอเตอร์ไซค์สันหลังวูบเพราะพี่เล่นฝ่าถึงสองไฟแดง ตามด้วย รถไฟฟ้าใต้ดิน ต่อด้วยพี่วิน ถึงออฟฟิศ จะไปทำธุระที่สนามหลวง กลับมาขึ้นพี่วิน ลงรถใต้ดิน ต่อด้วยเรือคลองแสนแสบ แล้วก็เดินๆ ขึ้นรถเมล์ชิลๆ เสร็จธุระกลับบ้าน นั่งเรือแม่น้ำเจ้าพระยาจากท่าช้างมาท่าน้ำนนท์เย็นสบาย ตบท้ายด้วยแท็กซี่ถึงที่พัก
หนึ่งวันครบเครื่อง ยกเว้นตุ๊กตุ๊ก กับเครื่องบินเท่านั้น ที่ระทึกสุด นอกจากพี่วินแล้ว ก็น่าจะเป็นการได้กลับไปนั่งเรือคลองแสนแสบที่เคยนั่งประจำหลายปีก่อน
นึกย้อนอดีต ครั้งนั้นขณะรอเรือมาเทียบท่าอโศกเพื่อไปประตูน้ำ ปกติผมนี่ชำนาญลงเรือมาก จะลงเท้าอย่างมั่นใจไปยืนในตัวเรือ แต่วันนั้นเกิดแอกซิเดนต์ ระหว่างก้าวเท้าเหยียบกราบเรือ รองเท้าคัตชูผมมันปลิ้นหล่นลงคลอง ท่ามกลางสายตาผู้โดยสารจ้องมองมาที่ผมที่ยืนแน่นิ่งอยู่คนเดียวบนโป๊ะเพราะตัดสินใจไม่ลงเรือแล้ว ก็มันเหลือรองเท้าอยู่ข้างเดียวนิ จะไปยังไง
เจ้าหน้าที่ประจำโป๊ะพยายามช่วยเหลือเต็มที่ ใช้ไม้ยาวมาลากรองเท้าที่ลอยอยู่ งัดขึ้นมา แม่เจ้า! น้ำเต็มรองเท้า แต่ไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องใส่ ตีเนียนเป็นปกติแล้วรีบไปหาซื้อรองเท้าใหม่ใส่แทน
นึกทีไร รู้สึกโชคดีที่ไม่พลัดตกลงคลองแสนแสบ เจ็บใจก็เพราะคนขับรีบบึ่งออกจากท่าน่ะซิ!!
ช่างมันเถอะ มันผ่านมาแล้ว ว่าไปสิ่งที่เป็นเรื่องปกติสำหรับคนนั่งเรือ ก็คือ การหลบฝอยน้ำคลอง โดยเฉพาะยามที่แล่นสวนกับเรืออีกลำจนเกิดคลื่น ทุกครั้งมันต้องกระเด็นมาโดนใบหน้า แว่นตา บางทีก็เข้ามุมปาก สาวสวยเมกอัพหน้ามาดีก็หนีไม่พ้น โดนน้ำคลองสาดเข้ามาเต็มๆ ดีที่ทำงานมีที่อาบน้ำ เลยได้ซื้อชุดทำงานเปลี่ยนใส่ใหม่ ที่เสียวสุด คือ คนนั่งข้างๆ ไม่ยอมดึงเชือกผ้าใบกั้น ผู้โดยสารที่นั่งบริเวณนั้นต้องคอยลุ้นว่าจะโดนน้ำคลองหรือไม่ บางคนชั่วโมงบินสูง พอเริ่มเห็นเรือสวนมา รีบก้มหน้าหลบ แต่ส่วนใหญ่ที่ลงเรือจะได้ละอองฝอยคลอง ให้หอมกายเป็นที่ระลึก
ประสบการณ์จากคนลงเรือเล่าว่า เรือนี่ไม่กลัว แต่กลัวน้ำในคลองมากกว่า เพราะสกปรก เข้าจมูก ตา ปาก เมื่อไร ถ้าไม่รีบล้างเดี๋ยวไปก่อเชื้อโรคในร่างกาย ถ้าจะปลอดภัยที่สุด ต้องไปนั่งแถวหัวเรือเพราะใกล้คนขับ ไม่เปียก แต่กลางเรือนี่ทั้งขึ้นทั้งล่อง ร้อนและเหม็นเครื่องยนต์ เสียงดังยิ่งกว่าเครื่องจักรโรงงาน
ยิ่งเวลาที่เรืออีกฝั่งพุ่งมาแบบจรวดจนเกิดคลื่นปะทะดังโครม ประหนึ่งเหมือนตกหลุมอากาศ แต่นี่มันตกหลุมคลองชัดๆ 10 วินาทีนั้นใจต้องนิ่ง ตั้งสติให้มั่น ถอนหายใจพุทโธ! ลุ้นไม่ให้คว่ำทั้งลำ
หลายคนขยาด ไม่กล้านั่ง แต่จำใจเพราะไม่มีทางเลือก และเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุดในระบบขนส่งช่วงนั้น แต่ทุกอย่างในกรุงเทพฯ ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ถ้าไม่รัดกุม ปล่อยพะรุงพะรัง ระวัง แก้ว แหวน เงิน ทอง กระเป๋าโน้ตบุ๊ก กระเป๋าสตางค์ มีอันต้องสังเวยไปด้วย
เคยบอกนักท่องเที่ยวหลายคน ถ้าอยากผจญภัยเห็นวิถีชีวิตอีกมุมของกรุงเทพฯ ไม่ต้องไปนั่งตุ๊กตุ๊ก หรือวินมอเตอร์ไซค์ เรือคลองแสนแสบนี่ซิ ของจริง ถ้าไม่ได้ลิ้มรสละอองน้ำคลอง มาไม่ถึงเมืองหลวงประเทศไทยนะครับ
เวนิสกรุงเทพฯ อะเมซิ่งไทยแลนด์ ราคาถูกครั้งเดียวจดจำไปอีกนาน...


