ตำรวจแฉทีมฆ่าฝังสามเณรจับอดีตเจ้าอาวาสขังนาน2ปี
นครศรีธรรมราช-ตำรวจแฉเด่นชัย-ปิยฉัตรเป็นผู้จัดการผลประโยชน์วัดสถานที่ฆ่าฝังสามเณรแถมจับอดีตเจ้าอาวาสถูกขังในกุฏินานกว่า2ปีไม่เคยรู้เรื่องการเงิน
นครศรีธรรมราช-ตำรวจแฉเด่นชัย-ปิยฉัตรเป็นผู้จัดการผลประโยชน์วัดสถานที่ฆ่าฝังสามเณรแถมจับอดีตเจ้าอาวาสถูกขังในกุฏินานกว่า2ปีไม่เคยรู้เรื่องการเงิน
พลตำรวจโทเทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และพล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช แถลงหลังขุดร่างมนุษย์ซึ่งคาดว่าจะเป็นสามเณรปลื้ม หรือสามเณรศุภโชค เอกเกียรติกุลที่วัดวังตะวันตก อ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่า ศพได้ถูกส่งไปที่ศูนย์นิติเวช จ.สุราษฎร์ธานีเพื่อทำการชันสูตรการตายอย่างละเอียดรวมทั้งพิสูจน์ดีเอ็นเอเพื่อความชัด
"คดีนี้อาจมีผู้ต้องหาเพิ่มอีกรวมเกือบ 10 คนทั้งคนขุด คนจัดหาปูน คนผสมปูนที่ช่วยกันปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ ส่วนแหล่งผลประโยชน์ของวัดที่กลุ่มผู้ต้องหาครอบครองจัดการอยู่นั้นมีทั้งรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัดมูลค่าหลายร้อยล้านบาท เงินสดที่ไหลเข้าวัดทุกวันวันละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท ทั้งจากการเก็บค่าแผงค้ารายวัน ค่าจอดรถรายวัน และอื่นๆอีกหลายรายการ"พลตำรวจโทเทศา กล่าว
พลตำรวจโทเทศา วัดแห่งนี้มีผลประโยชน์มหาศาล กลุ่มผู้ต้องหาทั้งสามีภรรยาคือนายเด่นชัย ภูมินิยม หรือพระเด่นชัย และนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล ล้วนครอบงำได้ทั้งหมด แม้แต่เจ้าอาวาสก็ถูกขังไว้ไม่สามารถทำอะไรได้ กรรมการวัดก็ไม่มี
"รายได้ทั้งหมดไม่ปรากฏอยู่ในสถานะทางบัญชีของวัดส่วนนางสาวปิยฉัตรเดิมพบว่ามีอาชีพขายน้ำผลไม้ปั่นอยู่บริเวณหลังวัด และภายหลังได้มาบริหารจัดการภายในวัด ทำให้มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยขณะนี้ใช้รถยนต์ราคาแพงอยู่ถึง3คัน"พล.ต.ท.เทศา กล่าว
ขณะที่นายเด่นชัย ภูมินิยม หรืออดีตพระเด่นบอกว่าไม่ได้เจตนาฆ่าสามเณรปลื้มสาเหตุที่ทำร้ายเพราะสามเณรปลื้มได้ขโมยเงินสดกว่า 50,000 บาท และทองรูปพรรณพระเลี่ยมทองหนัก 6 บาทไป จึงพยายามทวงคืนแต่ไม่ได้ผล จึงทำร้ายและเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา