บุกช่วยเหลือชาวโรฮิงญาอีก307คน
เจ้าหน้าที่บุกช่วยเหลือชาวโรฮิงญาอีก307คนเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์เตรียมส่งขายประเทศที่ 3
เจ้าหน้าที่บุกช่วยเหลือชาวโรฮิงญาอีก307คนเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์เตรียมส่งขายประเทศที่ 3
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจ.สงขลา พร้อมฝ่ายปกครองและตำรวจ ได้ช่วยเหลือกลุ่มมุสลิมชาวโรฮิงญา ได้อีก 307 คน แยกเป็นชาย 230 คน หญิง 31 คน เด็กชาย 22 คนและเด็กหญิง 25คน ขณะที่ถูกนำมาพักไว้ภายในโกดังสุดซอ ย3ไทย-จังโหลน พื้นที่บ้านด่านนอก หมู่ 7 ต.สำนักขาม อ.สะเดา ซึ่งอยู่ติดชายแดนไทยมาเลเซีย และได้มีการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมาดำเนินการตรวจสอบคัดแยกว่าเป็นการหลบหนีเข้าเมือง หรือถูกบังคับล่อลวงและตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่
พ.ต.ต.ธนูศิลป์ ดวงแก้วงาม สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจ.สงขลา กล่าวว่า จากข้อมูลในเบื้องต้นพบว่าชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ส่วนใหญ่สมัครใจที่จะเดินทางเข้ามาเองโดยใช้ไทยเป็นทางผ่านเพื่อเดินทางไปยังประเทศที่สาม และเป็นคนละกลุ่มกับชาวโรฮิงญาที่ถูกขักขังอยู่ในพื้นที่ต.ปาดังเบซาร์ อย่างไรก็ตามจะต้องมีการสอบสวนขยายผลไปยังกลุ่มผู้ที่ลักลอบนำพาชาวโรฮิงญากลุ่มนี้เข้ามาเนื่องจากเป็นการเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ก่อนที่จะดำเนินการผลักดันกลับประเทศ
ด้านความคืบหน้าชาวมุสลิมชาวโรฮิงญา 397 คนที่ถูกกักขังไว้ในพื้นที่ต.ปาดังเบซาร์และเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือออกมาได้เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้คัดแยกไปควบคุมไว้ 4 แห่งทั้งที่ ตม.ปาดังเบซาร์ สภ.ปาดังเบซาร์ สภ.สะเดา และสภ.คลองแงะ เพื่อรอผลักดันกลับประเทศ
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่ดูแลชาวโรฮิงญาดำเนินคดีแล้ว 8 คน เป็นชาวพม่า 4 คน ชาวโรงฮิงญา 2 คนและคนไทย 2 คน โดยแจ้งข้อหานำพาเข้าให้ที่พักพิงและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง นอกจากนี้จะเชิญตัวผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยอีก 2 คนโดยหนึ่งในนั้นเป็นนักการเมืองท้องถิ่นในต.ปาดังเบซาร์ มาสอบสวนในฐานะที่เป็นเจ้าของสถานที่กักขังว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่