posttoday

มูฟออนไม่ได้! หนุ่มเครียด"แตงโม นิดา"ดิ่งอาพาร์ทเม้นท์ดับ

04 มีนาคม 2565

หนุ่มเครียดเถียงกับเพื่อนปม "แตงโม นิดา"แต่สู้ไม่ได้ ทุบทำลายข้าวของก่อน กระโดดชั้น4 อาพาร์ทเม้นท์สูง7ชั้นเสียชีวิต

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร รับแจ้งมีผู้ตกจากที่สูงเสียชีวิต ภายในอาคารพักอาศัยแห่งหนึ่ง ถนนลาดพร้าว ซอย 48 แยก 3 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อม ฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี และเจ้าหน้าที่กู้ภัย

ที่เกิดเหตุลักษณะเป็นอาพาร์ทเม้นต์ สูง 7 ชั้น บริเวณที่จอดรถ จยย.ข้างอาคาร 1 พบศพชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมา คือ นายพิชิตชัย เป่งทอง อายุ 20 ปี ชาวจังหวัดศรีสะเกษ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล สภาพคางแตก ขาซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ พร้อมนำรถติดไฟส่องแสงสว่างมาอำนวยความสะดวก ก่อนเร่งรัดสำรวจสภาพศพเบื้องต้น และให้กู้ภัยนำร่างไปชันสูตรอย่างละเอียดที่สถาบันนิติเวช รพ.รามาธิบดี ในทันที

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ที่ผ่านมา ผู้ตายได้เดินทางมาหา นายบิ๊ก (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) เพื่อนชายคนสนิท ซึ่งเป็นเจ้าของห้องพักบนชั้นที่ 4 โดยเจ้าของห้องและผู้ตายรู้จักกันผ่านโซเชียล มาได้ ราว 2-3 เดือน และนัดหมายพบเจอกันที่ห้องนานๆ ครั้ง

จากการสอบปากคำ นายบิ๊ก ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุให้ นายพิชิตชัย ผู้ตายมาหา แต่สังเกตว่าครั้งนี้ มีอาการเคร่งเครียดผิดปกติ พูดถึงประเด็นการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวที่ตกเรือ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ตลอดเวลา จนเกิดโต้เถียงกัน ผู้ตายเถียงสู้ไม่ได้จึงก่อเหตุทุบทำลายข้าวของในห้องเสียงดังอึกทึก ด้วยความคลุ้มคลั่งน่าหวาดกลัว จนฝ่ายเจ้าของห้องต้องหนีเข้าไปขังตัวเองในห้องน้ำก่อนอาบน้ำระงับสติอารมณ์ พอสิ้นเสียงเอะอะโวยวายออกจากห้องน้ำมาก็พบว่า ผู้ตายกระโดดจากระเบียงหลังห้องร่างกระแทกพื้นเสียชีวิตไปแล้ว

เบื้องต้น พนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างสอบปากคำพยานแวดล้อมโดยเฉพาะเพื่อนบ้านห้องข้างเคียงเพิ่มเติม โดยหลังจากนี้จะเร่งเชิญญาติพี่น้องมาให้ปากคำหาสาเหตุว่า ผู้ตายมีประวัติรักษาตัวด้วยอาการทางประสาท หรือเสพยาเสพติดด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพิสูจน์ความสอดคล้องกับคำให้การทุกฝ่าย ก่อนนำผลการชันสูตรศพมาสรุปหาสาเหตุที่แท้จริงและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.