posttoday

ร้องป.ป.ง.สอบทรัพย์สิน"อดีตผกก.โจ้" อาจเข้าข่ายฟอกเงิน

31 สิงหาคม 2564

ศรีสุวรรณ ร้องป.ป.ง.สอบทรัพย์สินอดีต ผกก.โจ้ เผยพบพิรุธหลายประเด็นชี้มีคฤหาสน์ราคาแพง-ครอบครองรถหรูมูลค่าร้อยล้าน เกินฐานะข้าราชการอาจเข้าข่ายฟอกเงิน

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 64 ที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ปปง. เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดีอันเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและอื่นๆที่เป็นความผิดมูลฐานอาจเข้าข่ายการฟอกเงินของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งได้ร่วมกับตำรวจด้วยกัน ก่อเหตุทรมานผู้ต้องหาจนเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตนต้องการให้ป.ป.ง.เข้าตรวจสอบทรัพย์สินของพ.ต.อ.ธิติสรรค์ เนื่องจากมีพบพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายความผิดมูลฐานในเรื่องการฟอกเงิน สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบบ้านเลขที่ 79/898 ของ ผู้กำกับโจ้ ภายในหมู่บ้านปัญญาอินทรา P1 ถนนปัญญาอินทรา เขตคลองสามวา พบว่าเป็นบ้านพักขนาดใหญ่ 2 หลังตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ มีสระว่ายน้ำหรู เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจของสังคมว่า เป็นข้าราชการที่มีอัตราเงินเดือนเพียง 43,330 บาท จะมีบ้านที่เป็นคฤหาสน์ราคาแพงในหมู่บ้านคนรวยได้อย่างไร และยังพบว่า มีรถหรูราคาแพงอีกกว่า 29 คัน มูลค่ารวมกันนับร้อยล้าน รถบางคันเช่น แลมโบกินี ยังอยู่ในสำนวนคดีรถหรูเลี่ยงภาษี ซึ่งสำแดงใบภาษีนำเข้า (อินวอยซ์) ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้รัฐเสียหายรวมกว่า 31 ล้านด้วย

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นยังพบข้อพิรุธจากคำแถลงของอธิบดีกรมศุลกากร ที่ได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า ตั้งแต่ปี 2554-2560 พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เป็นเจ้าของสำนวนคดีนำจับรถ 368 คัน อันอาจเกี่ยวข้องกับการลักลอบหนีศุลกากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร และการรับสินบนนำจับ ซึ่งเป็นข้อพิรุธเป็นอย่างมาก เนื่องจากรถยนต์ที่อยู่ในครอบครองของนายตำรวจคนดังกล่าวนั้นมาจากกระบวนการหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งผิดกฎหมายศุลการกร กฎหมายสรรพสามิต และประมวลกฎหมายอาญา แม้พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล จะเป็นผู้ประมูลมาได้ก็ตาม เพราะรถเหล่านั้นเป็นรถที่พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล เป็นผู้จับกุมหรืออยู่ในชุดจับกุมด้วย และยังเป็นผู้ที่ได้รับเงินค่าส่วนแบ่งสินบนนำจับอีกด้วย จึงเชื่อได้ว่า อาจเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันในการนำรถที่ผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศโดยไม่ผ่านวิธีการศุลกากร แล้วแสร้งไปจับกุมส่งกรมศุลกากร เพื่อรอประมูลออกมาในราคาถูก และยังได้ส่วนแบ่งสินบนนำจับอีกด้วย ซึ่งถือเป็นเล่ห์ฉลของการใช้อำนาจหรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่ส่อไปในทางที่ทุจริตและผิดกฎหมายของ ปปง.อย่างชัดเจน

"พฤติการณ์และการกระทำดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิดมูลฐานตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ม.3(5)(6)(7) หรือ(17) เป็นต้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปยื่นร้องเรียนต่อ ปปง. เพื่อให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัดต่อไป"นายศรีสุวรรณ กล่าว