posttoday

เอเจนซีส่งนักเรียนไปเมืองนอก ตุ๋นผู้ปกครองเก็บค่าเทอมล่วงหน้า

13 สิงหาคม 2564

ผู้ปกครองร้องกองปราบฯเอาผิดเอเจนซีส่งนักเรียนไปเมืองนอก ตุ๋นเรียกเก็บค่าเทอมล่วงหน้า 6 ปี สูญเงินกว่า 25 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 13 ส.ค.64 นายกรคณพล เทพผดุงพร อายุ 59 ปี ผู้บริหารในเครือ บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว เจ้าของกระทิชาวเกาะ และแบรนด์แม่พลอย พร้อมด้วย นางสมธนชม เทพผดุงพร อายุ 55 ปี สองสามีภรรยา และผู้เสียหายคนอื่นๆ พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ภิรมย์ เมืองไสย รองผู้กำกับการ 1 กองปราบปราม เพื่อแจ้งความเอาผิดบริษัทเอเจนซี่รับดำเนินการจัดส่งนักเรียนไปศึกษาต่างประเทศ แห่งหนึ่ง หลังก่อนหน้าได้ให้บริษัทดังกล่าวจัดทำเรื่องส่งบุตรหลานไปเรียนยังต่างประเทศ พร้อมกับจ่ายเงินค่าเทอมให้จนครบถ้วน แต่ต่อมากลับถูกทางโรงเรียนต้นสังกัดส่งหนังสือทวงหนี้ค่าเทอมเป็นเงินกว่า 25 ล้านบาท โดยนำหลักฐานเอกสารทางการเงินมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา

เอเจนซีส่งนักเรียนไปเมืองนอก ตุ๋นผู้ปกครองเก็บค่าเทอมล่วงหน้า

นางสมธนชม กล่าวว่า ก่อนหน้าได้ให้บริษัทดังกล่าวจัดทำเรื่องส่งบุตรชายไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร กระทั่งพอลูกสาวคนเล็กสนใจจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษเช่นเดียวกันจึงได้ติดต่อเอเจนซี่รายเดิมไปโดยลูกสาวเลือกเรียนที่โรงเรียน culford  เมือง bury saint edmunds ประเทศอังกฤษ ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าสอบ ค่าเทอม ค่าดำเนินการต่างๆ ของบุตรทั้ง 2 คน ทางเอเจนซี่ได้ขอเก็บล่วงหน้า 6 ปี ตนก็ยอมจ่ายให้หมด แต่ต่อมากลับพบว่ามีหนังสือ และอีเมลล์ทวงค่าเทอมจากโรงเรียนส่งมา จึงทำให้ทราบความจริงว่า เอเจนซี่รายนี้ไม่ได้เอาเงินไปจ่ายค่าเทอมให้ลูกของตนทั้งหมดแต่อย่างใดเมื่อทวงถามก็บ่ายเบี่ยงได้แต่รับปากว่าจะจัดการให้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการจัดการปัญหา หรือนำเงินมาคืนให้แต่อย่างใด

เอเจนซีส่งนักเรียนไปเมืองนอก ตุ๋นผู้ปกครองเก็บค่าเทอมล่วงหน้า

นางสมธนชม กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเอเจนซี่รายนี้ไม่มีการแสดงพิรุธอะไรเลย เป็นคนพูดมีหลักการ  อ้างตัวว่าเป็นศาตราจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยส่งนักเรียนไทยไปเรียนต่างประเทศจนจบการศึกษาหลายคน จึงมีความเชื่อมั่นว่าไม่ถูกหลอกซึ่งความเสียหายในครั้งนี้เฉพาะครอบครัวตนเกือบ20ล้านบาท ถ้ารวมอีก2ครอบครัวก็เกือบ25ล้านบาท

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนกองปราบได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป