เปิดบทสรุปและแนวทางรับมือ "โควิดเดลตา" จาก "นพ.ประสิทธิ์"
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชเผยบทสรุปและแนวทางรับมือวิกฤตโควิดจากสายพันธุ์เดลตา ย้ำการเร่งฉีดวัคซีนให้เกิด50%ของประชากรและมาตรการทางสังคมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดยอดติดเชื้อในไทย
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 64 ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดเผยผ่าน Mahidol Channel อัปเดตสถานการณ์การรับมือกับไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาจากทั่วโลก ตลอดจนแนวทางและสถิติการรับวัคซีนของประเทศต่างๆเพื่อป้องกันสายพันธุ์ เดลตา
ในช่วงท้าย ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ประสิทธิ์ ได้สรุปข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตารวมทั้งแนวทางในการรับมือไว้อย่างน่าสนใจโดยมีเนื้อหาดังนี้
สรุปข้อมูล/หลักฐานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ เดลตา
-เชื้อโควิด-19สายพันธุ์ เดลตาไม่เพียงแพร่ระบาดได้เร็ว (เร็วกว่าสายพันธุ์ อัลฟาประมาณ 60%) แต่มีหลักฐานว่าก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงและอันตรายมากกว่าสายพันธุ์เดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน นอกจากนี้ ยังพบผู้ที่มีอาการรุนแรงในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยลง (ผลจากหลายปัจจัย)
-ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ (ไม่ว่าชนิดไหน) มีโอกาสติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ (รายงานจากสหรัฐอเมริกาว่าไม่แตกต่างจากผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แต่อาการมักไม่รุนแรง)
-รายงานจากมหาวิทยาลัย Wisconsin พบว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว ยังสามารถพบมีปริมาณไวรัสในจมูกและคอ ไม่แตกต่างไปจากผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
-หลายประเทศพบการติดเชื้อในเด็กมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง
-สัดส่วนของประชากรที่ได้รับวัคซีนที่มากพอ จะมีส่วนสำคัญในการลดการแพร่ระบาดและอัตราการเสียชีวิต แต่ไม่ควรเป็นข้อบ่งชี้ในการยกเลิกหรือผ่อนคลายการระวังตนเอง (ใส่หน้ากาก รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล หมั่นทำความสะอาดมือ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมากในพื้นที่ที่จำกัด)
-การแพร่ระบาดในกลุ่มคนจำนวนมาก อาจนำสู่การเกิดการกลายพันธุ์ และสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดเร็ว จะทดแทนสายพันธุ์เดิมหรือสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดช้ากว่า
-ความปลอดภัยจากเชื้อโควิด19 ในประเทศใดประเทศหนึ่ง ขึ้นกับสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อในโลก
แนวทางการรับมือวิกฤตโควิด19 จากสายพันธุ์เดลตา
-การลดความเสียหายที่เกิดจากวิกฤตที่เกินศักยภาพของระบบการดูแลสุขภาพ
การเร่งลดโอกาสการแพร่ระบาดขอเชื้อ
มาตรการทางการปกครอง
มาตรการทางการสาธารณสุข (การบริหารจัดการควบคุมโรค การพัฒนาศักยภาพการตรวจหาผู้ติดเชื้อ การบริหารจัดการเตียง สถานพยาบาล)
มาตรการส่วนบุคคล และทางสังคม (การชี้แจงเหตุและมาตรการ วินัย การใส่หน้ากากอนามัย การรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล)
-การเร่งฉีดวัคซีนเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต (ผู้เสี่ยง-สูงวัย/8โรค) -มากและเร็ว
-การเร่งค้นหาผู้เสี่ยงติดเชื้อและแพร่เชื้อ (การตรวจด้วย ATK และ RT-PCR)
-การได้รับยาที่เร็ว (แจ้งลงทะเบียนผู้ติดเชื้อเพื่อเข้าสู่ระบบ)
-พัฒนาศักยภาพการดูแลผู้ติดเชื้อ (Home Isolation, Community Isolation)
"การเร่งฉีดวัคซีนมากขึ้นเรื่อยๆและมาตรการทางสังคมที่ควบคุมการแพร่ระบาด ถ้าเมื่อไหร่ฉีดมากกว่า 50% จะทำให้กราฟผู้ติดเชื้อลดลง และทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ระยะที่ปลอดภัยจากโควิดมากขึ้น"ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ประสิทธิ์กล่าว


