posttoday

สั่งเร่งสำรวจคุณภาพอากาศ-สารปนเปื้อนท่อระบายน้ำรอบโรงงานกิ่งแก้ว

06 กรกฎาคม 2564

"วราวุธ" สั่ง กรมควบคุมมลพิษเร่งสำรวจคุณภาพอากาศ-สารปนเปื้อนในท่อระบายน้ำ ในรัศมี 3-5 กม.รอบจุดเกิดเหตุ ป้อง "ประยุทธ์" ไม่ลงพื้นที่ หวั่นสร้างอุปสรรคการทำงานให้เจ้าหน้าที่ แจงโรงงานตั้งในพื้นที่สีแดงที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อการพาณิชย์

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุไฟไหม้ โรงงาน หมิงตี้ เคมีคอล ใน ซ.กิ่งแก้ว 21 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการว่า ขณะนี้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังดำเนินการตรวจวัดคุณภาพอากาศในรัศมี 3-5 กิโลเมตร โดยได้มีการส่งรถโมบายเคลื่อนที่ลงไปตรวจวัด และยังมีการติดตั้งสถานีย่อยในรัศมีดังกล่าว

เบื้องต้นพบว่าคุณภาพอากาศในรัศมี 1 กิโลเมตร เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ไม่ถึงชีวิต ขณะที่ในระยะ 5 กิโลเมตรถือว่ายังเป็นระยะที่ปลอดภัยอยู่ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าปลอดภัยถึงขั้นให้ประชาชนเดินทางกลับที่พักอาศัย เพราะยังต้องตรวจสอบเรื่องสารเคมีตกค้าง และสารที่ไหลออกมาจากโรงงานซึ่งกับมาน้ำที่เราฉีดเลี้ยงไฟไม่ให้ปะทุที่อาจมีสารเคมีปนเปื้อนออกมาได้ โดยภายในวันนี้ ( 6 ก.ค.) น่าจะได้ข้อสรุป ขอประชาชนอย่าเพิ่งใจร้อน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำงานทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ คพ.กำลังระดมเข้าไปตรวจวัดคุณภาพอากาศและน้ำที่อยู่ตามท่อระบายน้ำเพื่อให้ทราบว่ามีสารเคมีตกค้างมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วปฏิบัติการโดยรอบที่เกิดเหตุ เมื่อข้อสรุปแล้ว จะได้เข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าโรงงานดังกล่าวได้ทำการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวตั้งมา 30 กว่าปีแล้ว ขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายอีไอเอ แต่ไม่แน่ใจว่าหลังมีกฎหมายแล้วได้มีการทำอีไอเอเพิ่มเติมหรือไม่ จึงขอไปหาข้อมูล ประกอบกับไปดูกฎหมายผังเมือง โดยประสานกับกระทรวงมหาดไทยก่อน ซึ่งทราบมาว่าพื้นที่ที่ตั้งของโรงงานอยู่ในพื้นที่สีแดงที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อการพาณิชย์ หลายคนสงสัยว่าทำไมโรงงานไปตั้งในชุมชน จึงต้องมาตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์หรือโซนที่อยู่อาศัย เพราะการที่มีโรงงานกับบ้านพักติดกันเป็นไปได้ใน 2 กรณี คือ โรงงานตั้งก่อนชุมชน หรือที่ชุมชนกระจายไปจนติดโรงงาน คงต้องดูผังเมือง

เมื่อถามว่า โซเชียลมีเดียวิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรี รองนายกฯ และคนในรัฐบาล เหตุใดจึงไม่ลงพื้นที่ นายวราวุธ กล่าวว่า นายกฯและรองนายกฯให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่ต้องเรียนตรงๆว่า หากนายกฯ หรือรองนายกฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยงานลงไปในพื้นที่แล้ว โดยธรรมชาติคนไทยเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ต้องแห่มาต้อนรับ

นายกฯ ทราบดีว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น ยิ่งจะทำให้วุ่นวายไปอีก จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่ไป เพราะเราไม่รู้ว่าสถานการณ์ ณ ที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร ตนเห็นว่าการที่นายกฯไม่ไปนั้นถูกต้องแล้ว เพราะการบัญชาการที่ศูนย์บัญชาการเพื่อทำหน้าที่สั่งการและประสานจะมีประสิทธิภาพมากกว่า และยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานเต็มที่ เหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ที่นายกฯยังไม่ไปทันที เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายและสร้างอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงขอความเห็นใจจากสังคมด้วย

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุระเบิดที่โกดังเก็บสารเคมีของบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด เลขที่ 87 หมู่ 15 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ว่า ได้ประสานสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ไปสำรวจดูว่ามีวัดใดอยู่ในรัศมีใกล้กับโรงงานแห่งนี้หรือไม่

นายอนุชา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีวัดหรือศาสนสถานได้รับความเสียหายอย่างไรหรือไม่ แต่ได้กำชับพศ.ไปแล้วว่า ให้ไปสำรวจดูในพื้นที่แล้วรายงานมา รวมถึงช่วยดูแลประชาชนด้วย เพราะทราบว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เข้ามาใช้พื้นที่วัดในการหลบภัยด้วย จะได้ดูว่ามีสิ่งใดที่พอจะช่วยเหลือประชาชนได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพศ.ก็มีความต้องการให้วัดเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่าได้มีการ สำรวจหรือยังว่ามีวัดอยู่ในรัศมีของเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นกี่วัด นายอนุชา กล่าวว่า กำลังให้พศ.สำรวจอยู่อย่างเร่งด่วน เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป

ข่าวล่าสุด

ก.ล.ต. มีคำสั่งอายัดทรัพย์สิน JKN หลังศาลยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ