posttoday

ราชทัณฑ์ได้วัคซีนเพิ่ม 1หมื่นโดส ฉีดผู้ต้องขังเข็ม2

05 กรกฎาคม 2564

กรมราชทัณฑ์ได้รับวัคซีนโควิดเพิ่ม 10,000 โดส ฉีดผู้ต้องขังเข็ม 2 พบตัวเลขผู้ต้องขังติดเชื้อใหม่ 84 ราย

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานว่า ข้อมูลของวันที่ 4 ก.ค. พบผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 84 ราย แยกเป็นการติดเชื้อจากแดนในของเรือนจำสีแดง 81 ราย ประกอบด้วย เรือนจำกลางสงขลา เรือนจำกลางสมุทรปราการ เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เรือนจำพิเศษมีนบุรี และทัณฑสถานหญิงกลาง และตรวจพบเชื้อในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 3 ราย รักษาหายเพิ่ม 23 ราย ทำให้มีผู้ป่วยที่รักษาหายสะสม 34,767 ราย หรือ 94.4% ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 36,818 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต รวมมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 1,752 ราย โดยเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 73.9% สีเหลือง 25.1% และสีแดง 1%

"สถานะของเรือนจำมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเรือนจำสีแดงลดลง 1 แห่ง เนื่องจากเรือนจำจังหวัดสงขลาสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และไม่มีผู้ต้องขังติดเชื้อในเรือนจำแล้ว แต่ยังพบสีแดงเพิ่มขึ้น 2 แห่ง คือ ทัณฑสถานหญิงกลาง ที่พบผู้ติดเชื้อจากแดนในอีกครั้ง และเรือนจำกลางสมุทรปราการที่พบผู้ติดเชื้อจากแดนในของเรือนจำ ทำให้มียอดเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 11 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการแพร่ระบาดคงเหลือ 122 แห่ง" อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว

นายอายุตม์ เปิดเผยว่า สำหรับการจัดสรรวัคซีน กรมราชทัณฑ์ จะได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมจากกรมควบคุมโรคอีก 10,000 โดส เพื่อฉีดแก่ผู้ต้องขังเป็นเข็มที่ 2 ตามกำหนดระยะเวลา และเป็นเข็มแรกในเรือนจำสีขาวในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้ยอดรวมวัคซีนของกรมราชทัณฑ์ มีทั้งสิ้น 86,877 โดส โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการฉีดให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานไปแล้ว 46 แห่ง อย่างไรก็ตาม กรมราชทัณฑ์ยังประสานกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอรับวัคซีนเพิ่มเติมสำหรับเรือนจำและทัณฑสถานแห่งอื่นๆ จนกว่าจะครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป

นายอายุตม์ กล่าวอีกว่า กรมราชทัณฑ์ ได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนให้สกัดกั้นเชื้อจากภายนอกที่อาจเข้าสู่เรือนจำและทัณฑสถานในทุกช่องทาง ทั้งจากเจ้าหน้าที่ ครอบครัว ผู้ต้องขังรับใหม่ รวมถึงบุคคลภายนอกและสิ่งของที่จะเข้าเรือนจำและทัณฑสถาน ซึ่งต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในทุกขั้นตอน และหมั่นรักษาความสะอาดในทุกพื้นที่ พร้อมทั้งขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ทุกคนให้ระมัดระวังตนเอง และงดการเดินทางเข้าพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อในทุกกรณี