posttoday

อธิบดีราชทัณฑ์ยันรับมือไหวหลังนักโทษติดโควิด2.8พันราย

12 พฤษภาคม 2564

อธิบดีกรมราชทัณฑ์พบผู้ต้องขังติดโควิด 2,835 ราย ผลตรวจเชิงรุก 100 เปอร์เซ็นต์ เหตุนักโทษเข้าใหม่ ยันรับมือไหว

เมื่อวันที่ 12พ.ค.2564 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจง กรณีข้อสงสัยว่าอาจมีการแพร่ระบาดของโควิด -19 ในเรือนจำว่า จากการตรวจเชิงรุกให้เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง100%พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด -19 ของเรือนจำ/ทัณฑสถาน โดยที่ทัณฑสถานหญิงกลาง มียอดผู้ติดเชื้อรวม 1,040 ราย และเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มียอดผู้ติดเชื้อรวม 1,795 ราย รวม2,835 ซึ่งทุกรายอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และบางรายมีอาการหนักย้ายออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอก

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามาตรฐานการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์กับกระทรวงสาธารณสุข จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด – 19 ได้ ไม่ขยายตัวไปสู่วงกว้างได้

"ขณะนี้ กรมราชทัณฑ์ได้จัดให้มีแดนกักโรคและโรงพยาบาลสนาม โดยมีแพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และการให้ยารักษาและการดูแลทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานของสาธารณสุข รวมทั้งมีการวางแผนเพื่อฉีดวัคซีนให้ผู้ต้องขังด้วย อยู่ระหว่างรอการจัดสรรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง"อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว

นายอายุตม์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เชิงรุกในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง ซึ่งในส่วนของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้ตรวจคัดกรองเชื้อไวรัส โควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ไปแล้วกว่า 17,000 ครั้ง ทำให้คัดแยกผู้ติดเชื้อไปรักษาได้รวดเร็ว สามารถแยกผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงออกมากักตัว เพื่อสังเกตอาการโดย แยกกักตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่อย่างน้อย 21 วัน พร้อมตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2 ครั้ง ก่อนผู้ต้องขังพ้นระยะแยกกักโรค ซึ่งการตรวจพบการติดเชื้อของผู้ต้องขัง ถือว่าเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ

ทั้งนี้สำหรับผู้ต้องขังที่ตรวจพบเชื้อจะได้รับการรักษาโดยการให้ยา Favipiravia ทั้งในโรงพยาบาลสนามเรือนจำและโรงพยาบาลแม่ข่ายตามลักษณะอาการป่วยของแต่ละราย และขอยืนยันว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เรือนจำทัณฑสถานทุกแห่งมีมาตรการเข้มงวด มีการควบคุม บับเบิ้ล แอนด์ซีล เช่น กรณีเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ที่มีผู้ต้องขังติดเชื้อก็สามารถดูแลรักษาจนหาย และไม่มียอดผู้ติดเชื้ออยู่ในเรือนจำอีก