posttoday

ศบค.เทียบสถิติป่วย-ตายโควิดระบาด3ระลอก พบรอบล่าสุดความรุนแรงน้อยลง

17 เมษายน 2564

ศบค.เทียบสถิติอัตราการป่วยและเสียชีวิตในการระบาด 3 ระลอก พบระลอกล่าสุดเม.ย.64 มีการติดเชื้อกระจายมากขึ้น แต่ความรุนแรงไม่มากเท่า 2ครั้งแรก แจงเตียงโรงพยาบาลควรให้คนป่วยอาการปานกลางถึงหนัก ส่วนที่อาการน้อยสามารถรักษาในรพ.สนามได้

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กล่าวระหว่างแถลงสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด-19ประจำวันว่า สำหรับผู้ป่วยระลอกเดือน เม.ย.64 ตั้งแต่วันที่ 1-17 เม.ย.มีผู้ติดเชื้อสะสม 11,722 ราย เสียชีวิต 2 ราย จึงมีการนำข้อมูลเปรียบเทียบอัตราป่วยและอัตราการเสียชีวิตของโควิด-19 ที่แบ่งเป็น 3 ระลอก คือ

1. ระลอก ม.ค.63 ช่วง ม.ค.-14 ธ.ค.63 ระยะเวลา 11 เดือนครึ่ง มีผู้ป่วย 4,237 ราย เสียชีวิต 60 ราย คิดเป็น 1.42 เปอร์เซ็นต์

2. ระลอก ธ.ค.63 คือระหว่าง 15 ธ.ค.63-31 มี.ค.64 ระยะเวลา 3 เดือนครึ่ง มีผู้ป่วย 24,626 ราย เสียชีวิต 34 ราย คิดเป็น 0.14 เปอร์เซ็นต์

3. ระลอก เม.ย.64 วันที่ 1-13 เม.ย. ระยะเวลา 13 วัน มีผู้ป่วย 5,712 ราย เสียชีวิต 3 ราย คิดเป็น 0.05 เปอร์เซ็นต์

จากข้อมูลตรงนี้จะเห็นได้ว่าการป่วยระลอก เม.ย.64 จะเห็นผู้ป่วยรอบนี้กระจายมากขึ้น แต่ความรุนแรงยังไม่มากเท่าเดิม เราควรตระหนักแต่อย่าตื่นตระหนก ใครที่มีอาการป่วยขอให้เข้าสังเกตอาการที่โรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้มีหลายรูปแบบ ทั้งโรงพยาบาลรวมถึงโรงพยาบาลสนาม ซึ่งในปัจจุบันโรงพยาบาลสนามจะเป็นคำตอบ เพราะเดิมเมื่อมีผู้ป่วยจะไปแอดมิดที่โรงพยาบาล แต่วันนี้คนป่วยเดินไปไหนมาไหนได้ ดังนั้นเตียงโรงพยาบาลควรให้คนป่วยที่อาการปานกลางถึงอาการหนัก และโรงพยาบาลสนามไม่ได้เลวร้ายอะไร บางคนบอกชอบเพราะได้พูดคุยสังสรรค์ ที่สำคัญโรงพยาบาลสนามจะประหยัดทรัพยากรบุคคลในการดูแลคนป่วย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขอให้ทุกคนเข้าใจและให้ความร่วมมือ เพราะโรงพยาบาลทุกแห่งมีศักยภาพในการดูแลประชาชน และถ้าเราดูกราฟตัวเลขจะเห็นว่าสัปดาห์นี้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเกือบ 1 หมื่นคน และกระจายตัวไป 77 จังหวัด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เห็นว่าการกระจายตัวของเชื้อรอบนี้กระจายมากขึ้น แต่ความรุนแรงไม่มากมากเท่าเดิม

“ป่วยแล้วไม่ได้หมายความว่าต้องไปโรงพยาบาลอย่างเดียว ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามได้ แต่คนที่ป่วยต้องเข้าระบบแยกกัก ก่อนหน้านี้เราใช้โรงพยาบาลมาก่อน ตอนนี้มียอดเพิ่มขึ้นหลายเท่า ยืนยันโรงพยาบาลทั้งหมดคำนึงถึงความปลอดภัยประชาชนทั้งสิ้น” นพ.ทวีศิลป์กล่าว