posttoday

ศาลยกฟ้องกลุ่มนปช.คดีฆ่า "พล.อ.ร่มเกล้า-ลูกน้อง"

01 กุมภาพันธ์ 2564

ศาลอาญา พิพากษายกฟ้องกลุ่ม นปช. คดีถูกฟ้องคดีฆ่า "พล.อ.ร่มเกล้า-ลูกน้อง" ช่วงสลายชุมนุม 10 เม.ย.53 เหตุพยานโจทก์ยังมีพิรุธ ขาดน้ำหนัก

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 64 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีคนร้ายขว้างระเบิดใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ทหาร การสลายชุมนุม นปช. 10 เม.ย.53 เป็นเหตุให้ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และลูกน้องเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

โดยคดีนี้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ และนางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายสุขเสก หรือเสก พลตื้อ อายุ 44 ปี อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นางพรกมล บัวฉัตรขาว หรือ นางกนกพร ศิริพรรณาภิรัตน์ อดีตผู้ดำเนินรายการทีวีสถานีประชาชนเอเชียอัพเดท, นายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์ แนวร่วม นปช. เป็นจำเลยที่ 1-3 คดีหมายเลขดำ อ.857/2562

ในความผิดฐานร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินผู้อื่น จนเป็นเหตุบุคคลถึงแก่ความตาย และร่วมกันสนับสนุนฆ่าและพยายามผู้อื่นซึ่งเป็นเจ้าพนักงานโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ผู้ใดทำ ซื้อ มี ใช้ หรือนำเข้าอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ , ร่วมกันใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดฯ

โจทก์ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่า ระหว่างวันที่ 15 พ.ย.52 - 20 พ.ค.53 กลุ่ม นปช. ได้ร่วมกันชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ลาออกจากตำแหน่ง จนวันที่ 7 เม.ย.53 นายอภิสิทธิ์ ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร และออกคำสั่งจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เพื่อปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ บริเวณ ถ.ราชดำเนินกลาง ตั้งแต่แยกคอกวัวมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

กระทั่งวันที่ 10 เม.ย.53 จำเลยที่ 1 และ 3 กับพวกร่วมกันมีลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารแบบ M.67 คนละ 3 ลูก ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนด้านการเงิน และจัดหาระเบิดให้ โดยพวกจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้อื่นด้วยการขว้างระเบิดสังหาร 2 ลูก ใส่เจ้าหน้าที่ทหารขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถ.ดินสอ เป็นเหตุให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รอ.(ขณะนั้น) กับนายทหารรวม 5 นายเสียชีวิต และมีนายทหารอีกหลายนายได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยพวกจำเลยให้การปฏิเสธ

วันนี้ศาลเบิกตัว นายสุขเสกและนายสุรชัย จำเลยที่ 1, 3 มาจากเรือนจำพร้อมฟังคำพิพากษาส่วนนางพรกมล จำเลยที่ 2 ที่ได้รับการประกันตัวก็เดินทางมาศาล

ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า คำเบิกความพยานโจทก์มีข้อพิรุธ อ้างเป็นผู้ติดตามจำเลยแต่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ไม่รู้จักกลุ่ม นปช. ไม่มีแรงจูงใจทางการเมือง เชื่อว่าให้การทั้งที่ไม่รู้เห็น แต่ได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการเข้าโครงการคุ้มครองพยาน ประจักษ์พยานโจทก์จึงไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ และเมื่อศาลพิจารณาคำฟ้องจำเลยเปรียบเทียบกับคดี นปช.ก่อการร้าย แล้วซึ่งเป็นบุคคลเดียวกัน มูลเหตุช่วงเวลาเดียวกัน ถือเป็นการฟ้องซ้อน จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1-3

ผู้สื่อข่าวรายงาน ตามขั้นตอนกฎหมายแม้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง แต่ยังคงเป็นคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นซี่งคู่ความในคดียังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือน