posttoday

"ไบโอไทย"จี้ทบทวนปิดตลาดชาวบ้าน โวยปฏิบัติไม่เท่าเทียมร้านทุนใหญ่กลับเปิดได้

13 มกราคม 2564

"ไบโอไทย" เรียกร้องทบทวน "ปิดตลาด" ชาวบ้าน จวกสองมาตรฐานทางเศรษฐกิจร้านทุนใหญ่กลับเปิดได้ แนะร่วมจัดทำแผนจัดการลดความเสี่ยงร่วมกันกับผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่

นายวิฑูรย์ เลี่ยนจํารูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี หรือไบโอไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลสั่งปิดตลาดสดตลาดนัด กว่า 68 แห่ง รวม32 จังหวัด แม้จะกลับมาเปิดใหม่ 31แห่งนั้น ถือเป็นเรื่องที่กระทบความมั่นคงด้านอาหาร ในกลุ่มคนจำนวนมาก ทั้งที่เป็นผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้า คนทำงานในตลาด กลุ่มเกษตรกร ผู้ผลิตสินค้ารายย่อยอื่นๆ รวมถึงผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งอาหาร เพราะตลาดเป็นทั้งพื้นที่ทางเศรษฐกิจและพื้นที่ความมั่นคงทางอาหารของคนจำนวนมาก

ทั้งนี้เมื่อมีการปิดตลาดส่งผลกระทบต่อคนเล็กคนน้อย ที่ไม่ได้มีรายได้มากมายอะไร ตลาดชาวบ้านที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาถูกกว่าร้านสะดวกซื้อหรือห้าง ถึง 4 เท่า บุคคลากรทางการแพทย์ด้านทางเดินหายใจระบุว่า ตลาดมีความเสี่ยงแพร่เชื้อน้อยกว่าพื้นที่ปิด10เท่า ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจับตามองและวิพากษ์วิจารณ์มาตรการแนวปฏิบัติที่ลักลั่น ไม่เท่าเทียม สองมาตรฐานในทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่มีการสั่งปิดตลาดนัด แต่ร้านสะดวกซื้อเปิดได้ตามปกติ

นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่าการปิดตลาดสดตลาดนัดควรจะเป็นทางเลือกสุดท้าย สิ่งที่รัฐควรทำมากที่สุดคือสนับสนุนให้เกิดความปลอดภัย มีมาตรการเชิงรุกต่างๆ โดยสร้างการมีส่วนร่วมทุกระดับ ทั้งระดับส่วนกลางศบค.ผู้ประกอบการ ตลาด ผู้บริโภค ระดับพื้นที่จังหวัด เพื่อให้เกิดการตัดสินใจโดยใช้กลไกมาตรการร่วมกัน

ทั้งนี้การกำหนดมาตรฐานและเงื่อนไขต่างๆในการบริหารจัดการต้องไม่ลักลั่น ต้องมีฐานอ้างอิงที่ชัดเจนว่าปิดหรือไม่ปิดเพราะอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือควรจัดให้มีการทำแผนจัดการลดความเสี่ยง กำหนดข้อตกลง โดยให้ทางตลาดเสนอแผนเพื่อพิจารณาเป็นหลักประกันร่วมกัน ซึ่งมันจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการสั่งปิดอย่างเดียว

"การปิดหนทางทำกิน มันจะขยายความเหลื่อมล้ำซ้ำเติมยิ่งขึ้นไปอีก"ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าว

นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ หน่วยงานรัฐต้องทำงานเชิงรุก ส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย ส่งเสริมตลาด รถเร่ ให้คนเข้าถึงโดยไม่ต้องเดินทาง และควรจัดสรรงบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจ มาช่วยคนเล็กคนน้อยในเรื่องนี้ อีกทั้งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของสุขอนามัยต่างๆในพื้นที่ตลาดให้มากขึ้น

ด้านนายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน กล่าวว่า จากข้อมูลของไบโอไทยที่พบว่า ตลาดจำนวนมากถูกสั่งปิดตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ที่สำคัญคือบางพื้นที่ขาดความชัดเจนว่า เมื่อปิดแล้วต้องดำเนินการอย่างไร จะได้กลับมาเปิดขายอีกเมื่อไร เนื่องจากตลาดเป็นวิถี ชีวิตที่ผูกพันกับความเป็นอยู่ของประชาชน มีผู้คนที่เกี่ยวข้องในระบบตลาดสด ตลาดนัดจำนวนมาก

ช่วงโควิดรอบแรกเครือข่ายฯได้ทำงานกับตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ ร่วมกับสำนักอนามัย กทม. กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข ได้รับความร่วมมือพอสมควร มีการปรับตัว จำกัดทางเข้าออกคัดกรอง กำหนดจุดล้างมือ ส่วนที่ยังเป็นปัญหา คือการเว้นระยะห่าง ซึ่งตอนระบาดครั้งแรก มีคำสั่งปิดตลาดในส่วนของการค้าขายเสื้อผ้า ของใช้ ทำให้คนกลุ่มนี้ลำบากไม่มีรายได้ แต่มาครั้งนี้ ไม่มีคำสั่งปิดตลาดส่วนของเสื้อผ้าของใช้เหมือนครั้งแรก แต่จะเข้มงวดการค้าขายในตลาดสดตลาดนัดมากขึ้น

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่าในหลายพื้นที่เมื่อพบผู้ป่วยก็มีคำสั่งปิด ทำความสะอาดพื้นที่ฆ่าเชื้อ กำหนดวันห้ามใช้บริการและกลับมาเปิดได้ในเวลาไม่นาน เช่น ธนาคาร สถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า แต่ทำไมตลาดสด ตลาดนัดกลับสั่งปิดยาว สิ่งเหล่านี้มันสะท้อนความเหลื่อมล้ำ เลือกปฏิบัติ

"คนค้าขายชาวบ้านรากหญ้าเขาไม่ได้มีสายป่านที่ยาวเหมือนธุรกิจใหญ่ ดังนั้นรัฐต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน รวดเร็วและรัดกุม มีการชดเชยช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ และฟื้นตลาด ฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับมาค้าขายได้ตามปกติโดยเร็ว"นายชูวิทย์กล่าว

นายชูวิทย์กล่าวว่า เมื่อใดที่ตลาดปิด ผลประโยชน์จะตกอยู่กับทุนใหญ่ คนซื้อแห่เข้าร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นทุนใหญ่ทั้งสิ้น ทั้งนี้เชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าผู้บริโภค และคนที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะเข้มงวดตัวเอง คือสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ และบริหารจัดการใช้เวลาในตลาดให้น้อยที่สุด ที่สำคัญเจ้าของตลาดต้องจัดให้มีการล้างฆ่าเชื้อ กำหนดจุดคัดกรองวัดอุณหภูมิ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน สิ่งสำคัญคือความชัดเจนของภาครัฐและการช่วยเหลือเยียวยา