รองโฆษกตร.แจงจับกลุ่มWevoรื้อลวดหนามเพราะทำผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 63 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวกลุ่ม Wevo ดำเนินคดีหลังมาทำกิจกรรมรื้อเก็บลวดหนาม บริเวณแยกอุรุพงษ์เมื่อคืนวันที่ 7 ธ.ค.63

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า หลังจากกลุ่ม Wevo เข้ารื้อลวดหนาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าแสดงตัวพร้อมแจ้งแล้วว่า อุปกรณ์บริเวณจุดเกิดเหตุ เป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างการชุมนุม มีการเข้าเจรจากับกลุ่มมวลชนแล้ว พร้อมมีการประกาศให้ยุติการจัดกิจกรรม แต่กลุ่มมวลชนไม่ปฎิบัติตามอีกทั้งยังได้รื้อถอนและทำการขนย้ายอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

"กลุ่มคนดังกล่าวมิใช่เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจในการรื้อถอน แต่ไปรื้อถอนและทำการย้ายอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายฯ ,ร่วมกันกระทำความผิดตามมาตรา 215 เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้มั่วสุมเลิกไปแล้วไม่เลิกฯ,ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ฯ ตามขั้นตอนของกฎหมาย"รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าว

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง สรุปความเห็นทางคดีและได้นัดหมายกลุ่มผู้ต้องหาให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 28 ธ.ค.63เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ด้าน นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้แกนนำกลุ่ม Wevo ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า

นี่คือ คำสรุปสั้นๆของผมจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้

ก่อนอื่นต้องขออภัยพี่น้องประชาชนชาวกทม และ ชาวชุมชนบริเวณ แยกอุรุพงษ์ ถนนเพชรบุรี ทุกคนเลย จากเหตุเมื่อคืน ทำให้ เรื่องง่ายๆ กลายเป็นเรื่องวุ่นวายโดยการระแวงเกินเหตุของ ตำรวจไทยกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ทั้งที่เรา (wevo) ตระหนักว่า แค่เก็บลวดหนามไปกองไว้ในที่ๆมันควรอยู่ คงไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย จึงพยายามที่จะเลี่ยงการทำงานที่กระทบกับพี่น้องประชาชน เช่น ไม่จัดให้เป็นอีเว้น ชุมนุม (ไม่มีนัดหมายระดมคน) ไม่ปิดการจราจร ทั้งที่จะทำก็ย่อมทำได้ และเลือกปฏิบัติภารกิจในเวลากลางคืนช่วงรถคล่องตัว

สุดท้าย ตำรวจเองเป็นผู้นำแผงเหล็กมาปิดกั้น การจราจร นำรถตู้ตำรวจ ขน คฝ. มาไม่น้อยกว่า 3 กองร้อย (เพื่อ?) กับการมาล้อมจับกุม อาสาสมัคร wevo แค่ 100 คน ที่มีเพียง เชือกไว้ผูกลวดหนาม คีมตัดลวด และ ถุงมือหนัง

เราก็แจ้งเจตนาชัดเจนว่าเรา ได้รับการร้องขอจากชาวบ้าน ในละแวกนี้ให้มาช่วยเหลือเก็บซากให้อยู่ในที่ๆปลอดภัย เพราะพึ่งพา จนท. ไม่ได้ (ทราบความจริงว่า ที่ตำรวจไม่เก็บหีบเพลงหนามนั้น เพราะเป็นคุรุภัณฑ์ของทหาร เมื่อทหารเอามา ทหารก็ต้องมาเก็บ)

แต่แล้ว เขาใช้กำลังเข้าจับกุมเรา อย่างรุนแรงในช่วงแรก มีเพื่อนของเรา โดนต่อยที่หน้า และอีกคนโดนจับกดกับพื้นพร้อมใช้เท้ากระทืบเขาอยู่หลายหน มีประชาชนที่มามุงดู ไม่รู้เรื่องโดนรวบคอเขาราวอาชญากร อีกทั้งยังจับเราทั้ง 19 คนยัดรถควบคุมผู้ต้องขัง ที่ทั้งแคบ และไม่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก (แอร์ไม่เปิด) เล่นเอาหลายคนที่อัดกันเป็นปลากระป๋องจะเป็นลมเพราะขาดอากาศหายใจ เราพยายามทุบกระจกเพื่อบอกให้ จนท ช่วยเหลือเปิดระบบระบายอากาศภายในรถแต่ก็ไม่เป็นผล

เขาทำกับเราเหมือนกับว่าเรา เป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศชาติบ้านเมือง

หากไม่ได้พี่น้องประชาชน สื่อมวลชน เพื่อนพี่น้องการ์ดกลุ่มอาชีวะ กลุ่ม wevo กลุ่มเพื่อนมิตรอีกหลายๆกลุ่ม ที่เอ่ยนามไม่ครบถ้วนต้องขออภัย ผมและพวกรวม 19 คน ก็คงจะยังไม่ทราบชะตากรรมเป็นแน่ เพราะที่เขาต้องยอมรับการปล่อยตัวเราโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆนั้น เพราะ สถานการณ์ด้านนอก สน. ระอุ เกินกว่าจะควบคุม ทุกคนไม่ยอมอีกต่อไป และพร้อมทุกอย่างเพื่อแลกกับการต่อสู้ในครั้งนี้ ผมเห็น สีหน้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้ชัดเจนว่าไม่สู้ดี เขาคงรู้ตัวว่าเขาพลาดมหันต์

แต่อย่างไรก็ตามอีกภาพจำของผมในคำ่คืนที่ผ่าน ผมจำไม่ลืมคือ พี่ๆตำรวจ ชั้นผู้น้อยที่รักความเป็นธรรม กลุ่มหนึ่ง ช่วยพวกเราให้หลบหนีออกจากพื้นที่ในช่วงชุลมุนเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นแล้ว ผมยังเห็นพี่น้องประชาชนชาวเพชรบุรี ซอย 2 ช่วยเพื่อนๆพวกเรา ให้ที่หลบซ่อน แล้ว เปิดทางให้หลบหนีอย่างมีไมตรีจิต ผมขอกราบขอบพระคุณพวกคุณๆทั้งหลาย

ภารกิจของ ผม และเพื่อนๆคงไม่จบเพียงเท่านี้ เรายังต้องเดินทางกันอีกไกล ขอให้เก็บเรี่ยวแรง ที่มี เป็นกำลังสู้ร่วมกันต่อไป ไม่มีถอยอีกแล้วเวลานี้ แล้วเราจะพบกันในไม่ช้า

ภาพจาก โตโต้ ปิยรัฐ - Piyarat Chongthep