posttoday

เปิดใจพ่อนักสู้ดูแลลูกพิการเหยื่อเมาแล้วขับซ้ำตัวเองยังป่วย

05 ธันวาคม 2563

เปิดใจพ่อนักสู้ ดูแลลูกพิการเหยื่อดื่มแล้วขับ ซ้ำตัวเองยังป่วย ขณะที่หัวอกลูก ดูแลพ่อป่วยมะเร็งลำคอระยะ 4 เผชิญมรสุมชีวิตครอบครัวแทบล้มละลาย

นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยสี่ยงทางสังคม สสส.กล่าวว่า สสส.ได้ร่วมกับ เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ ปี 2563 พร้อมเสวนาหัวข้อ “เมื่อพ่อต่อสู้กับโรค-ภัย เพื่อชีวิตใหม่ของครอบครัว” ซึ่งเป็นเวทีถ่ายทอดประสบการณ์ การต่อสู้และก้าวผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายของคนเป็นพ่อและลูก เพื่อเป็นอุทธาหรณ์เตือนใจให้ใช้ชีวิตห่างไกลปัจจัยเสี่ยงเหล้าบุหรี่ และอุบัติเหตุ และเป็นพลังใจให้ครอบครัวที่ต้องต่อสู้ เพื่อชีวิตใหม่

นายธนเดช ใจสบาย ลูกชายที่ดูแลพ่อป่วยมะเร็งลำคอ กล่าวว่า ตอนนี้ตนทำทุกทางเพื่อให้พ่อในวัย49 ปี หายจากมะเร็งร้ายที่รุมเร้า คือพ่อดื่มเหล้าสูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ โดยเก็บก้นบุหรี่ที่คนทิ้งแล้วเอามาดูด กระทั่งป่วยเข้ารับการรักษาเมื่อปี 2560 หมอบอกว่าเป็นมะเร็งลำคอ ระยะที่ 4 สาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ ตอนนี้รักษาโรคร้ายมานานกว่า 2 ปี ด้วยการฉายแสงและทำคีโม จนก้อนที่คอมันหายไป แต่หมอยังให้พ่อใส่ท่อหายใจด้วยการเจาะคอ และทุกๆ 3 เดือน พ่อต้องเดินทางจากนครศรีธรรมราช เพื่อมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ

"บุหรี่มันเป็นสิ่งที่อันตราย และเวลาเกิดโรคร้ายขึ้นมา มันไม่ได้มีแค่คนสูบที่ได้รับผลกระทบ แต่มันจะกระทบถึงคนในครอบครัว เช่น ผมต้องสละสิทธิงานที่ผมสอบติดนิติกร กรมควบคุมโรค เพื่อมาดูแลรักษาพ่อ กระทบทุกคนในครอบครัว ต้องขึ้นมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ช่วงนั้นมันเป็นมรสุมชีวิตที่ยากลำบาก ครอบครัวเรียกว่าล้มละลายเพราะไม่มีรายได้เข้ามา เงินที่เก็บไว้เอาออกมาใช้จนหมด แม้จะใช้สิทธิบัตรทองซึ่งก็ช่วยได้มาก ประกอบกับการเข้ารักษาในโครงการวิจัยของโรงพยาบาลรามาร่วมกับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ก็ลดค่าใช้จ่ายได้จำนวนมาก แต่ก็ยังไม่พอค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่ยังต้องหมดไปอีกหลายแสนบาท ถ้าไม่มีสองส่วนที่บอกเข้ามาช่วยคิดว่าคงล้มละลาย และที่สำคัญส่วนตัวพ่อเองก็ทรมานกับโรคนี้ พ่อยอมทำสิ่งที่ติดมาตลอดทั้งชีวิต แล้วยอมเลิกเพื่อรักษาตัวเอง ทั้งนี้อยากบอกพ่อว่าผมรู้สึกดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อ และได้ทำหน้าที่ลูกดูแลพ่อ จนเกือบจะหายมาเป็นปกติ และขอฝากไปถึงลูกๆให้เตือนคุณพ่อที่ยังเป็นนักดื่มนักสูบ วันพ่อปีนี้ให้เลิกเหล้าเลิกบุหรี่เถอะเพื่อตัวเองเพื่อลูก" นายธนเดช กล่าว

นายคุณากร กนิษฐายน อายุ55ปี พ่อที่ต้องดูแลลูกพิการจากอุบัติเหตุ กล่าวว่า ลูกชายเกิดอุบัติเหตุซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อนเมาแล้วขับ เสียหลักพุ่งชนฟุตบาท ทำให้กลายเป็นคนพิการ นั่งวีลแชร์ตลอดชีวิต ส่วนตัวเองก็ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ เคยเป็นอัมพาต และผ่าตัดกระเพาะทะลุ ตอนนี้รักษาทั้งลูกและตัวเอง ผลัดกันดูแลกันสองคนพ่อลูก กว่าจะผ่านช่วงนั้นมาได้ก็ยาก แต่เพราะหน้าที่พ่อ ต้องสู้เพื่อลูก อยู่เพื่อลูก ถ้าเราไม่อยู่ใครจะดูแลลูก หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ดื่มเหล้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ เพราะมันทำลายชีวิตเราและคนที่เรารัก ครอบครัวเราได้บทเรียนชีวิตที่หนักมาก สุขภาพไม่ใช่เรื่องเล่นๆหรือให้ความสำคัญในลำดับท้ายๆ เพราะเวลาที่เราแย่มันสุดๆจริงๆ ?นายทวี เกษตรวนา อายุ 58 ปี อดีตคุณพ่อนักดื่ม กล่าวว่า เคยหลงผิดไปกับการดื่มเหล้า ช่วงอายุ30ปี ดื่มหนักจนติด เป็นขาเมาประจำชุมชน มีแต่คนรังเกียจ เบื่อหน่ายไม่อยากคุยด้วย เมาทั้งวัน รับเงินรับงานแล้วเบี้ยว เคยเกิดอุบัติเหตุเมาแล้วขับ และชีวิตครอบครัวเกือบพัง เสียเงินไปกับค่าเหล้าเป็นแสนๆ สาเหตุที่เลิกดื่มได้เพราะสุขภาพแย่ลง มีอาการมือสั่น ทำงานไม่ได้ และที่สำคัญที่สุด เพราะลูกหลานและครอบครัวที่เป็นแรงใจให้เราอยากเลิกเหล้า อยากมีชีวิตอยู่กับเขาไปนานๆ และสัญญาว่าจะเป็นพ่อที่ดี ไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขอีก ทุกวันนี้คนในชุมชนก็ยอมรับและให้โอกาสเราให้กำลังใจเรา ครอบครัวก็มีความสุข

พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จะเห็นว่าสิ่งที่เป็นปัจจัยกระตุ้นสร้างความเจ็บปวดเสียใจให้พ่อและลูกคือบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสิ่งนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่พ่อต้องก้าวข้าม เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง และในวันพ่อปีนี้อยากให้พ่อทุกคนที่ดื่มที่สูบอยู่ ใช้โอกาสนี้ลดละเลิก ยิ่งในยุคโควิด-19ยิ่งต้องดูแลสุขภาพตัวเอง อย่าให้สายเกินไป เพราะของขวัญที่ดีที่สุดของคนเป็นพ่อก็คือลูกและครอบครัว