posttoday

เปิดสำนวนอัยการฟ้องการ์ดป.กุ้งเผาทำร้ายลูกค้า ศาลนัดพิพากษา4พ.ย.63

09 ตุลาคม 2563

อัยการส่งฟ้อง ผู้ดูแล-13 การ์ดร้าน ป.กุ้งเผา คดีทำร้าย 3 ลูกค้า ศาลรอสืบประวัตินัดพิพากษา 4 พ.ย.63 สั่งปรับผู้ดูแลร้าน 7 พัน ผิด พ.ร.บ.สถานบริการ

ที่ศาลแขวงดอนเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 9 ต.ค.63 เมื่อเวลา 10.30 น. พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง 9 ได้ยื่นฟ้องด้วยวาจา นายสืบสกุล หรือคุ้ม อาสนโกมล เป็นจำเลย ความผิดฐาน เปิดสถานบริการ สถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่าย โดยจัดให้มีการแสดงดนตรี หรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง ซึ่งปิดทำการหลังเวลา 24.00 น. โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 และ พ.ร.บ.สถานบริการ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2546 มาตรา 3 (5), 4 , 26

โดยอัยการยื่นฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.63 เวลากลางคืน จำเลยได้บังอาจจัดตั้งสถานบริการประเภทที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่าย ขึ้นชื่อ "ป.กุ้งเผา" สาขาหลักสี่ - สะพานใหม่ เลขที่ 888 ถ.เทพรักษ์ แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. ซึ่งสถานบริการดังกล่าวนี้ จำเลยได้จัดให้มีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง ซึ่งปิดทำการหลังเวลา 24.00 น. อันเป็นสถานบริการ ตาม พ.ร.บ.สถานบันเทิงมาตรา 3 (5) โดยการจัดตั้งสถานบริการดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการค้าโดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.

ทั้งนี้ ศาลรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.1077/2563 และสอบคำให้การแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพ ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.เศษ ศาลแขวงดอนเมือง จึงได้มีคำพิพากษาเป็น คดีหมายเลขแดงที่ 1004/2563 พิพากษาว่า นายสืบสกุล จำเลยมีความผิด ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ ฯ มาตรา 3 (5) , 4 วรรคหนึ่ง , 26 ให้ปรับ 14,000 บาท โดยจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับเป็นเงิน 7,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการ (ยึดทรัพย์ชำระค่าปรับ หรือกักขังแทนค่าปรับ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

อย่างไรก็ดี ภายหลังที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วนายสืบสกุล จำเลย ได้ทำการชำระค่าปรับครบถ้วนตามจำนวนแล้ว

ขณะที่วันเดียวกันนี้ เวลา 11.55 น. พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง 9 ก็ได้ยื่นฟ้องด้วยวาจา นายเกรียงไกร อินทร์ทรัพย์ กับพวกรวม 13 คนซึ่งเป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยของร้าน ป.กุ้งเผา เป็นจำเลย ต่อศาลแขวงดอนเมืองด้วย ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบมาตร 83

โดยอัยการ ยื่นฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.63 เวลากลางคืน จำเลยทั้ง 13 คนได้บังอาจร่วมกันใช้กำลังทำร้ายร่างกายนายเอกวัฒน์ แก้วปีลา ผู้เสียหายที่ 1 , นายจตุรงค์ บุญเพ็ง ผู้เสียหายที่ 2 , นายเชิดชาย ยอดเจริญ ผู้เสียหายที่ 3 โดยใช้มือชกต่อ และใช้เท้าเตะกระทืบบริเวณลำตัว ศีรษะของพวกผู้เสียหาย และลากพวกผู้เสียหายไปตามพื้นถนนจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสามได้รับบาดเจ็บจนวูบหมดสติไป โดยผู้เสียหายที่ 1 ได้รับบาดแผลที่หน้าผากเย็บ 4 เข็ม ศีรษะบวมถลอก แขนและหลังมีรอยถลอกฟกช้ำ , ผู้เสียหายที่ 2 ได้รับบาดแผลฟกช้ำบวมที่ริมฝีปากล่าง ฟันหน้าโยก และมีอาการปวดตามร่างกาย , ผู้เสียหายที่ 3 ได้รับบาดเจ็บมีอาการปวดที่ศีรษะ ลำคอ และปาก เป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผบของแพทย์และภาพถ่ายท้ายฟ้อง เหตุเกิดที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.

ซึ่งศาลรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.1078/2563 กระทั่งเวลา 12.05 น. ศาลแขวงดอนเมือง ได้อ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยทั้ง 13 คนฟังแล้วสอบถามเรื่องทนายความ จำเลยแถลงไม่ต้องการทนายความและขอให้การรับสารภาพ โดยโจทก์-จำเลยแถลงไม่สืบพยาน คดีเสร็จการพิจารณา

จากนั้น ศาลจึงมีคำสั่งเห็นควรให้พนักงานคุมประพฤติ ทำรายงานสืบเสาะประวัติและพินิจ (ความประพฤติ อายุ การศึกษา สุขภาพ อาชีพ สภาพแวดล้อม) ของจำเลยทั้ง 13 คนส่งศาลพิจารณาก่อนเพื่อประกอบการทำคำพิพากษา โดยศาลกำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 4 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ต่อมาเวลา 14.30 น. ศาลแขวงดอนเมือง ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยทั้ง 13 คน โดยจำเลยได้ทำสัญญาประกันและวางเงินสดเพื่อเป็นหลักประกัน คนละ 12,000 บาท