posttoday

อคส. ร้องดีเอสไอสอบอดีตผู้บริหารซื้อถุงมือยางไม่โปร่งใส จ่อร้อง ปปช.เอาผิด 157

18 กันยายน 2563

ผอ.อคส. ร้องดีเอสไอสอบอดีตผู้บริหารซื้อถุงมือยางไม่ประกวดราคา-ไม่ผ่านมติบอร์ด โอนมัดจำล่วงหน้า 2 พันล้านบาท ประสานปปง.อายัดบัญชีคู่ค้า เตรียมยื่น ป.ป.ช.เอาผิด ม.157 สัปดาห์หน้า

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาราชการแทน ผู้อำนวยการ อคส. กรณีการทำสัญญาซื้อถุงมือยาง มูลค่ากว่าแสนล้านบาท โดยไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ อคส. และอนุมัติจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไปถึง 2,000 ล้านบาท ซึ่งอาจเข้าข่ายมิชอบตามกระบวนการของกฎหมายและระเบียบ อคส.

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ตนเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา และได้นำงบการเงินมาวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งพบความผิดปกติในบัญชีของเดือนส.ค.-ก.ย.63 ซึ่งมีการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง จึงเรียกสัญญามาตรวจสอบ พบว่าสมัยที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์รักษาราชการแทน ผอ.อคส. ได้ใช้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่อาจผิดระเบียบ อคส. เนื่องจากไม่มีการจัดประกวดราคาให้บริษัทเอกชนรายอื่นเข้าร่วมประมูล แต่กลับทำสัญญาซื้อถุงมือยางกับบริษัทการ์เดียนโกลฟ์ จำกัด เพียงบริษัทเดียวในจำนวน 500 กล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท โดยตกลงทำสัญญาเมื่อวันที่ 31 ส.ค.63 และได้ชำระเงินล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.ย.63 อีกทั้งตามข้อบังคับการจัดซื้อในวงเงินที่มากกว่า 25 ล้านบาท รักษาการ ผอ.อคส.จะต้องเสนอประธานบอร์ด อคส.พิจารณา และหากเกิน 50 ล้านบาทต้องเสนอบอร์ดพิจารณา แต่ครั้งนี้ไม่ได้เสนอบอร์ดพิจารณา

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สัญญาขายถุงมือยางให้บริษัทเอกชนยังมีความผิดปกติ ซึ่งขายให้บางบริษัทในราคาเท่าทุน โดยตนไม่ทราบว่าพ.ต.อ.รุ่งโรจน์มีความเชื่อมโยงกับบริษัทคู่ค้าของ อคส.หรือไม่ ทั้งนี้ บอร์ด อคส.ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วมีมติให้ระงับการจัดซื้อถุงมือยางและยกเลิกสัญญา พร้อมทั้งให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง โดยช่วงเช้าตนยื่นหนังสือให้ปปง.อายัดบัญชีบริษัทการ์เดียนโกลฟ์ และยื่นหนังสือให้ดีเอสไอตรวจสอบ รวมถึงจะยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.พิจารณาความผิดตามมาตรา 157 ในสัปดาห์หน้า

ด้านพ.ต.อ.กรวัชร์ กล่าวว่า หลังรับเรื่องแล้ว ดีเอสไอจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาว่าคดีดังกล่าวเข้าข่ายลักษณะความผิดเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมคดีพิเศษพิจารณารับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ต่อไป โดยจะเร่งตรวจสอบให้มีเกิดความชัดเจนโดยเร็ว