posttoday

"วิชา"เผย ป.ป.ท.รับไม้ต่อ "คดีบอส" ส่งหน่วยงานเกี่ยวข้องฟันอาญา-วินัย

09 กันยายน 2563

"วิชา" ย้ำคดีบอส ป.ป.ท. รับไม้ต่อ ส่งหน่วยงานเกี่ยวข้องฟันอาญา-วินัย ลั่นหากละเว้นไม่ทำตามคำสั่ง นายกฯ โดน ม.157 ทันที ยันถอดคำพูดเทปลับ ปั้นความเร็วคดีบอสไม่ใช่ของคณะกรรมการ

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 63 นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานเรื่องการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯ ได้นำร่างพระราชบัญญัติ 2 ฉบับเข้ามาพิจารณา คือ ร่าง พ.ร.บ.องค์กรตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ... และร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. ... นำมาดูว่ามีส่วนใดที่ทางคณะกรรมการฯ จะสนับสนุนและมีอะไรเพิ่มเติมได้ เพื่อให้มีความสมบูรณ์ขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดแบบคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อีก

เมื่อถามถึงคลิปเสียงสนทนา เพื่อเปลี่ยนแปลงความเร็วรถนายวรยุทธ ที่มีการถอดเทปออกมาและเผยแพร่อยู่ในขณะนี้ นายวิชากล่าวว่า ตนรับรองไม่ได้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ เพราะไม่ได้ออกมาจากตนหรือทางคณะกรรมการฯ ที่มีบางสำนักข่าวถอดเทปออกมาก็ว่ากันไป ซึ่งถ้าเขาถอดเทปออกมาอย่างนั้นแสดงว่าเขาเป็นเจ้าของเต็มๆ

เมื่อถามว่าที่มีการถอดเทปออกมานั้นมีความใกล้เคียงกับข้อมูลของคณะกรรมการฯ ที่ได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่าตนตอบไม่ได้ ตนไม่รับรองในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ตนรับรองไม่ได้ ตนการันตีเฉพาะเอกสารที่ส่งให้นายกฯ ซึ่งนายกฯก็จะไปตรวจสอบของเองว่าการถอดเทปนั้น มีที่มาที่ไปอย่างไร และเป็นอันเดียวกันหรือไม่

เมื่อถามอีกว่าหลักฐานที่ทางคณะกรรมการส่งให้นายกฯนั้นมีเป็นคลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่าทางคณะกรรมการฯส่งให้หน่วยงาน และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่มีการรับรองจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม ก็ถือว่าไม่ได้มาจากทางคณะกรรมการฯ

นายวิชา กล่าวต่อว่า เมื่อนายกฯส่งเรื่องไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตรในภาครัฐ (ป.ป.ท. ) ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของนายกฯแล้ว หน่วยงานก็ต้องทำเพราะถ้าไม่ทำก็จะโดน มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทันที หรือโดนในเรื่องการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งการทำงานขอล ป.ป.ท.ไม่ใช่การสอบสวนแต่ให้ไปหาว่ามีชื่อใครบ้าง เพื่อที่จะส่งต่อไปให้หน่วยงานนั้นๆดำเนินการสอบทางวินัย หรือสอบจริยธรรมร้ายแรงหรืออาญา โดยจะต้องรายงานให้นายกฯรับทราบทุก 7 วัน ซึ่งนายกฯ ได้บอกแล้วว่าเมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วทาง ป.ป.ท. จะเปิดเผยเอง เนื่องจากมี พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารอยู่ สามารถเปิดเผยได้โดยไม่มีความผิด