posttoday

นายกฯสั่งตำรวจดำเนินคดีแกนนำม็อบปลุกปั่นนักศึกษา

30 กรกฎาคม 2563

นายกฯให้ตำรวจดำเนินคดีเด็ดขาดกับแกนนำผู้ชุมนุม ที่มีหมายจับคดีค้างเก่าหรือได้ประกันตัวออกมาแล้วกลับมายุยงปลุกปั่นก่อความไม่สงบ

พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร. เปิดเผยภายหลังการประชุมก.ตร. และ ก.ต.ช. ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับเรื่องสถานการณ์การชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมืองในช่วงนี้ ว่าให้ตำรวจดำเนินคดีเด็ดขาดกับกลุ่มแกนนำผู้ชุมนุมที่มีหมายจับค้างเก่า มีคดีติดตัว หรือได้รับการประกันตัวออกมา แล้วกลับมายุยงปลุกปั่นให้การชุมนุมไม่เป็นไปตามกฎหมาย กลับมากระทำผิดซ้ำด้วยการจัดการชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ ส่วนกลุ่มน้องๆเยาวชนที่มีการออกมาเคลื่อนไหว แสดงออกและอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายนั้น หลังจากระยะเวลาต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ขอให้ยึดปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ โดยการแจ้งการชุมนุมก่อนล่วงหน้า ซึ่งตำรวจไม่ขัดข้องหากเป็นการแสดงออกตามหลักประชาธิปไตย ไม่ขัดต่อกฎหมาย ส่วนกระแสข่าวที่ตำรวจตระเวนชายแดนได้จัดเตรียมสถานที่ไว้เพื่อรองรับผู้ชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอกนั้น พล.ต.ท.ปิยะ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยหน่วยงานความมั่นคงได้มีการตรวจสอบไปยังตำรวจตระเวนชายแดนแล้วพบว่า เป็นการสั่งการภายในของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อตรวจสอบและจัดการสถานที่ตามปกติ ไม่ได้มีนัยยะใดๆ และไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม

ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยฝั่งร้านศรแดง เมื่อเวลา 14.00น. นายทศพร มนูญญรัตน์ ตัวแทนกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าแอดมินเพจเคยเป็นแนวร่วม กปปส. ว่า กลุ่มอาชีวะช่วยชาติก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแอดมินเพจเป็นตนเองแล้ว ยืนยันว่าแอดมินคนเดิมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพจแล้ว ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านมองว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มมีรัฐบาลอยู่เบื้องหลังนั้นยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีเพียงตนและเพื่อนอีก 2 คน ที่ร่วมกันคิดและดำเนินการจัดกิจกรรมขึ้น

ส่วนความเคลื่อนไหวหลังจากนี้ ยังไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ วันนี้เป็นเพียงการแถลงจุดยืน และยังไม่อยากยกระดับไปถึงขั้นชุมนุม เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและโรคระบาดที่ทำให้ประเทศไทยเสียหายอย่างมาก การออกมาชุมนุมอาจทำให้ประเทศเสียหายมากกว่าเดิม ทั้งนี้หากกลุ่มเยาวชนปลดแอกหรือผู้อยู่เบื้องหลังยังมีพฤติกรรมต่อต้านหรือล้มล้างสถาบัน กลุ่มอาชีวะช่วยชาติอาจจะออกมาเคลื่อนไหว แต่ยืนยันว่าจะไม่มีความรุนแรงหรือการเผชิญหน้าเกิดขึ้นและขออย่านำสถานการณ์นี้ไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 อดีตก็คืออดีต ซึ่งมีความแตกต่างกัน

ส่วนจะมีการเรียกร้องให้ใช้มาตรา 112 กับคนที่ถือผ้ายข้อความไม่เหมาะสมหรือไม่นั้น นายทศพล กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องขอให้เป็นเรื่องทางกฎหมาย ทางกลุ่มมีหน้าที่อย่างเดียวคือปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

สำหรับข้อเรียกร้อง กลุ่มเยาวชนปลดแอกทั้ง 3 ข้อ ตัวแทนกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ ระบุว่า ไม่ได้ต่อต้านหรือสนับสนุน เพราะเข้าใจหลักสิทธิมนุษยชน แต่ขอฝากถึงกระทรวงที่ดูแลด้านการใช้โซเชียลมีเดีย ให้ดำเนินการตรวจสอบบุคคลที่ใช้โซเชียลเผยแพร่ข้อมูลจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมฝากถึงผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของนักศึกษา ว่า ให้ระวังตัวและหยุดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

ทั้งนี้ จากการสังเกตการณ์การชุมนุมดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมชุมนุมราว 200 คน โดยผู้ร่วมชุมนุมส่วนใหญ่อยู่วัยกลางคนจนถึงสูงวัย ผิดกับการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกและอีกหลายกลุ่มตามจังหวัดต่่างๆที่ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 15-25 ปี