posttoday

ผู้ปกครองวอนภาครัฐงดเว้นค่าเทอม แบ่งเบาภาระรับผลกระทบพิษโควิด-19

24 กรกฎาคม 2563

เปิดผลสำรวจ พิษโควิด-19 ทำผู้ปกครองรายได้ลด 1ใน4ต้องกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาบุตรหลานช่วงเปิดภาคเรียนวอนภาครัฐงดเว้นค่าเทอม

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดเสวนา “ความยากลำบากของผู้ปกครองในการรับมือเปิดเทอมช่วงโควิด-19” ร่วมกับเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน  มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล

นางสาวปาลิณี  ต่างสี ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เปิดเผยผลสำรวจความพร้อมรับมือเปิดเทอมของผู้ปกครองที่บุตรหลานกำลังศึกษาในสถานการณ์โควิด-19 จำนวน 2,286 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่16-26 มิ.ย.63 กว่าร้อยละ 69.24  มีรายได้ลดลง และตกงาน ประกอบอาชีพไม่ได้ ร้อยละ16.97 ร้อยละ 48.48 ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐแต่ไม่เพียงพอ  ร้อยละ 27.42 หรือประมาณ1ใน 4 ไม่ได้รับความช่วยเหลือ วิกฤตครั้งนี้ทำให้ผู้ปกครองเกือบทั้งหมดหรือ กว่าร้อยละ95.41 มีผลกระทบด้านการศึกษาของบุตรหลาน ร้อยละ25.41ต้องหาแหล่งกู้เงินมาใช้จ่าย ร้อยละ24.06 งดซื้ออุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน ร้อยละ 14.55 ลดค่าขนมไปโรงเรียน และส่วนใหญ่เกินครึ่งอยากให้ภาครัฐมีนโยบายช่วยเหลือ ลดหรืองดเว้นค่าเทอม ค่าบำรุง ตามด้วยมีกองทุนช่วยเหลือที่เข้าถึงได้ง่าย

นายอนรรฆ  พิทักษ์ธานิน ศูนย์แม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากผลสำรวจได้ส่งสัญญาณว่า1ใน4ของประชากร ต้องกู้หนี้เพื่อมาใช้จ่ายด้านการศึกษา สวนทางกับนโยบายภาครัฐที่ให้เรียนฟรี โดยเฉพาะกับกลุ่มเปราะบางซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการศึกษา หรือหลุดออกจากระบบการศึกษาได้mางออกของเรื่องนี้ เราต้องไปดูที่ภาครัฐโดยเฉพาะเงินกู้ 4 แสนล้านนี้ว่า จะลงไปช่วยกลุ่มที่เดือดร้อนได้จริงหรือไม่ ในแง่ของการศึกษาผู้ปกครองมีต้นทุนด้านการศึกษามาตลอดรัฐบาลกล้าหรือไม่ที่จะประกาศว่าถ้าเป็นเรื่องของการศึกษาภายใน 1 ปีนี้ไม่ต้องเสียเงิน

นางสุกัญญา เกิดทิม ประธานสหภาพกิจการสิ่งทอวาไท ครอบครัวผู้ใช้แรงงาน กล่าวว่า ช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด เกิดการล็อกดาวน์ประเทศได้รับผลกระทบอย่างมาก มาเจอช่วงเปิดเทอมก็ยิ่งลำบากเข้าไปอีก รายได้ไม่พอกับรายจ่าย เพราะที่ทำงานไม่มีโอที รายได้ที่มีก็แค่ค่าแรงขั้นต่ำเมื่อเปิดเทอมแล้วสิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่มตอนนี้ทำได้แค่กู้เงินนอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 มาใช้ในครอบครัวไปก่อนจำเป็นต้องพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุดและลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป