posttoday

โพลเผยชาวบ้านอยากได้โรงไฟฟ้าชุมชนทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น

10 กรกฎาคม 2563

ซูเปอร์โพล เผยคนไทยต้องการให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชน สมัยรัฐบาลบิ๊กตู่ เน้นพลังงานสะอาด เชื่อมีส่วนทำให้วิกฤตเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง โรงไฟฟ้าชุมชนของคนไทย กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,124 ตัวอย่าง ระหว่าง 5 – 9 กรกฎาคม 2563

เมื่อถามถึงลักษณะโรงไฟฟ้าชุมชนที่จะเกิดขึ้นในยุครัฐบาลปัจจุบัน พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.5 ระบุลักษณะโรงไฟฟ้าชุมชนที่ต้องการคือเป็นพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน โดยร้อยละ 86.6 ระบุ ใช้พืชพลังงานและวัตถุดิบจากชุมชน ร้อยละ 82.2 ระบุ ชุมชนมีส่วนร่วมเห็นชอบ ร้อยละ 81.2 ระบุชุมชนมีส่วนแบ่งรายได้มากพอคลุมทุกมิติเศรษฐกิจและสังคมของชุมชน และร้อยละ 79.5 ระบุ จ้างงานเยาวชนคนรุ่นใหม่ทำงานโรงไฟฟ้าชุมชน

ที่น่าสนใจคือ ประโยชน์จากโรงไฟฟ้าชุมชนถ้าเกิดขึ้นในยุครัฐบาลปัจจุบัน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.7 ระบุ ชาวบ้านมีงานทำ มีทักษะดีได้ทำงานโรงไฟฟ้า รองลงมาคือร้อยละ 83.5 ระบุ ชาวบ้านมีรายได้มากขึ้น ร้อยละ 82.8 ระบุเศรษฐกิจหมุนเวียนในกองทุนหมู่บ้าน ร้อยละ 80.9 ระบุ เยาวชนคนรุ่นใหม่ในชุมชนจะมีทัศนคติที่ดี มีงานทำเป็นพลเมืองที่ดีจากนโยบายจับต้องได้ของรัฐบาล และร้อยละ 80.0 ระบุ ชีวิตความเป็นอยู่ในชุมชนจะดีขึ้น ตามลำดับ นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.1 ต้องการให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชนในรัฐบาลชุดปัจจุบันโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า นโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนของรัฐบาลชุดปัจจุบัน น่าจะมีส่วนทำให้วิกฤตเศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและอาจจะช่วยป้องกันบ้านเมืองไม่ให้เกิดความวุ่นวายในห้วงเวลาที่หลายฝ่ายกำลังกังวลได้เพราะเป็นนโยบายที่กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากระดับชุมชนและเป็นนโยบายที่ให้ความหวังแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่พวกเขาจะสามารถมองเห็นอนาคตที่ดีนำไปสู่การมีทัศนคติที่ดี มีงานทำ มีวินัย เป็นพลเมืองที่ดีและสำนึกรู้คุณแผ่นดินบ้านเกิดและสถาบันหลักของชาติได้อีกด้วย

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวด้วยว่า ถ้ารัฐบาลเข้าถึงและเข้าใจประชาชนในแต่ละช่วงอายุได้แท้จริงและตอบสนองลักษณะเฉพาะของแต่ละกลุ่มช่วงวัยได้ทันเวลา รัฐบาลจะมั่นคงและมีเสถียรภาพอยู่ได้ในทุกสถานการณ์เพราะประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนโดยช่วงวัยของประชาชนแบ่งออกได้เป็นสามช่วงคือ ช่วงเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่พวกเขาต้องมีความหวัง (Hope) ที่รัฐบาลต้องเสริมสร้างให้พวกเขามองเห็นอนาคตที่ดีในชีวิต ช่วงที่สองคือ ช่วงคนวัยทำงานที่ต้องการความมั่นคงก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และช่วงที่สามคือ ช่วงคนเกษียณอายุที่ต้องการความปลอดภัย โดยนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนของรัฐบาลกำลังเป็นส่วนหนึ่งของกลไกที่เข้าถึงและตอบโจทย์ตรงเป้าความต้องการของคนทั้งสามช่วงวัยได้