posttoday

"เทวัญ" ย้ำ ช่องส่องผี ต้องถูกดำเนินคดี ปัดเอี่ยวถูกถอดรายการจากช่อง 8

09 กรกฎาคม 2563

รมต.ประจำสำนักนายกฯ ย้ำ ช่องส่องผี ต้องถูกดำเนินคดี ปัดไม่เกี่ยว ถอดรายการออกจากช่อง 8 ลั่น คนโคราช ไม่ยอมถูกย่ำยี ส่วน "เรนนี่ - บ๊วย" จะไปขอขมาย่าโม ย่าบุญเหลือหรือไม่ อยู่ที่สามัญสำนึก

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรายการช่องส่องผี ว่า คุณย่าโมกับคุณย่าบุญเหลือท่านเสียสละเพื่อชาวโคราชและประเทศไทย แล้วจู่ๆวันนี้มีคนไปบิดเบือนสิ่งที่ทำให้กับบ้านเมือง ทำให้ชาวโคราชมีความรู้สึกไม่สบายใจ ว่าพวกคุณรู้ในประวัติศาสตร์ดีขนาดไหน ถึงได้ไปกล่าวอ้างขนาดนั้น

“จากที่ได้พูดคุยกับชาวโคราชหลายคนทุกคนมีความโกรธเคือง แต่เรื่องนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นบทเรียนสำหรับรายการอื่นๆต่อๆไป ที่จะไปอ้างอิงประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ทำเพื่อให้รายการโด่งดังเพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่ถูกต้อง ชาวโคราชต้องการให้ดำเนินคดี ผมก็ต้องการให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ ถ้ามีช่องทาง ทางกฏหมายใดที่จะดำเนินการได้ก็ให้ดำเนินการ ส่วนเรื่องการขอขมานั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ตำรวจหรือใครจะไปบังคับให้เขามาขอขมาไม่ได้ เป็นเรื่องสามัญสำนึกของคน ว่าควรจะไปขอขมาหรือไม่ บางครั้งเรายังเห็นคนทำผิดไปขอขมา แต่นี่คือดวงใจของคนโคราช เป็นที่เคารพบูชา ก็อยู่ที่เขาเราคงไปบังคับไม่ได้ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและความเหมาะสมว่าเขาจะเห็นอย่างไร ในการจะไปขอขมา”

นายเทวัญกล่าวว่า ที่คุณบ๊วยออกมาชี้แจงก็ไม่เห็นมีอะไร เพียงแต่บอกว่าจะไปเปลี่ยนให้รายการไปออกทางเฟสบุ๊ก และยังบอกว่าเขาไม่เคยได้ยินว่าคุณเรนนี่ตายไป 49 วัน ซึ่งอันนั้นตนก็ไม่ทราบว่าใครจะตาย 49 วันหรือวันเดียวแต่ตายก็คือตาย คงไม่มีที่ตายแล้วฟื้น ส่วนเรื่องถอดรายการออกจากช่องแล้วนั้นตนไม่ทราบ แต่สำหรับตนก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีไปตามกฏหมาย โดยทางสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ก็ส่งข้อมูลต่างๆ ไปยังจังหวัด ไปยัง กสทช. และ กรมศิลปากรซึ่งดูแลเรื่องหอประวัติศาสตร์ ไปให้ดำเนินการต่อ และเบื้องต้นได้ให้พศ.จังหวัด ทั่วประเทศแจ้งไปยังทุกวัดว่าในกรณีที่จะมีผู้มาถ่ายทำรายการในลักษณะเรื่องผี ให้ทางวัดได้ตรวจสอบและพิจารณาให้รอบคอบที่สุด เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนเรื่องหนึ่ง และกลายเป็นการส่งเสริมความเชื่องมงาย จึงขอให้ทางวัดพิจารณาว่ามีความเหมาะสมขนาดไหน

"การกระทำความผิดเสร็จไปแล้วเหมือนการขโมยของไปแล้วจะเอามาคืนแล้วขอขมาไม่ได้ก็ต้องดูข้อกฎหมายด้วยว่าเป็นอย่างไร แต่เรื่องนี้ถือว่าย่ำยีคนโคราชมากเกินไป ชาวโคราชก็ต้องการให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจะได้เป็นบรรทัดฐานในครั้งต่อไป เผื่อจะมีใครมาบิดเบือนประวัติศาสตร์อีกจะได้รู้ว่าผลลัพธ์ของการบิดเบือนจะ มีอะไรเกิดขึ้น" นายเทวัญ กล่าว