posttoday

นายกฯมอบ ศธ.ปรับปรุงการเรียนทางไกล หากสถานการณ์โควิดไม่คลี่คลาย

02 มิถุนายน 2563

นายกฯให้กระทรวงศึกษาฯนำผลการจัดการเรียนการสอนทางไกลช่วงโควิดไปปรับปรุงพัฒนาระบบ เพื่อให้มีความพร้อมหากสถานการณ์โควิดไม่คลี่คลาย

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงเรื่องการศึกษาว่า ต้องเข้าใจว่าขณะนี้เรามีปัญหาจากโควิด-19 ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการได้เสนอมาตรการต่างๆมามากมายเพื่อไม่ให้เกิดประเด็นความขัดแย้งหรือไม่เข้าใจกันต่อไปในเรื่องของการนับเวลาเรียน

"เราก็ยังคงนับเวลาเรียนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไปและไปสิ้นสุดในวันที่ 16 พ.ค.ซึ่งถือเป็นเวลาที่ปกติ และหากจะพอหรือไม่พออย่างไรก็เป็นเรื่องของสถานศึกษาที่จะไปบริหารจัดการด้วยวิธีการที่เหมาะสมเพื่อเปิดสอนชดเชยให้ครบตามโครงสร้างเวลาเรียน"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการสอนชดเชย ขอให้บริหารจัดการตามบริบทและความเหมาะสม ทั้งปฐมศึกษา มัธยมตอนต้น มัธยมศึกษาปลาย สถานศึกษาต่าง ๆ หากจะเรียน จะสอนทางไกลก็ต้องจัดตารางสอนให้ชัดเจนเพื่อนำมาใช้นับชั่วโมงการเรียนได้ “สำหรับการอนุมัติการจบการศึกษา ให้อนุมัติภายในภายใน 9 เม.ย.64 หากมีผลการเรียนไม่สมบูรณ์ให้สามารถดำเนินการวัดประเมินผลให้เสร็จสิ้นอนุมัติจบการศึกษาภายในวันที่ 15 พ.ค."นายกฯกล่าว

ทั้งนี้ในเรื่องการจัดการเรียนการสอนทางไกลในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้นำผลจากการดำเนินการในระยะที่ 1 และที่ 2 ไปปรับปรุงพัฒนาเพื่อดำเนินการในระยะที่ 3ในวันที่ 1 ก.ค. -30 เม.ย.64 เพื่อใช้สำหรับ 2 สถานการณ์นี้คือ

1.หากสถานการณ์ไม่คลี่คลาย ก็จำเป็นต้องไปหาวิธีการที่จะสอนระดับปฐมวัย ถึงมัธยมศึกษาตอนต้นด้วยระบบโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ระบบดิจิตอล ดาวเทียม เคเบิ้ลทีวีและไอพีทีวี 15 ช่อง ต้องหาวิธีการที่เหมาะสม เตรียมความพร้อมต่างๆ ตอนนี้เป็นช่วงของการทดลอง แน่นอนว่าต้องมีอุปสรรคอะไรที่ไม่เคยทำ เพราะสถานการณ์ที่เกิดมันฉุกเฉินและมีกรณีเร่งด่วน

2.หากสถานการณ์คลี่คลาย การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนก็จะเป็นปกติ แต่ตอนนี้ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นก็ต้องเว้นระยะห่างทางสังคมและมีมาตรการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ โดยจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัด นายกฯ กล่าวว่าสำหรับการวัดและการประเมินผล ต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย หลายมาตรการ ทั้งการสังเกต การสัมภาษณ์ ให้ข้อมูล ตรวจเยี่ยมบ้าน ประสานข้อมูลจากผู้ปกครองใช้การทดสอบรูปแบบต่างๆ ส่งผลการประเมินจากอีเมล การจัดทำตารางนัดหมายเป็นกลุ่มเล็กๆ ซึ่งแนวทางเหล่านี้เสนอมาโดยกระทรวงศึกษา และทางสพฐ.ก็เห็นชอบในการเสนอนี้แล้ว

อย่างไรก็ตามมีรายการที่จะเป็นภาระในกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเพิ่มเติมในช่วงสถานการณ์โควิดนี้ก็จะต้องเพิ่มเติมจากการดำเนินการตามโครงการกำหนดค่าใช้จ่ายการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งมีอยู่แล้ว เอามาปรับดูกันว่าจะทำอย่างไร ครูจะมีเบี้ยเลี้ยงหรือค่าน้ำมัน ที่ไปติดตามหรือเยี่ยมบ้านนักเรียนหรือไม่ ซึ่งถ้าจำเป็นขนาดนั้นก็ต้องทำ ต้องดูแลทั้งครูและนักเรียนด้วย หากสถานการณ์ไม่ยุติ แต่ถ้าสถานการณ์ยุติก็จบหมด ทุกอย่างก็มาที่โรงเรียน

ส่วนการดูแลเด็กนักเรียนที่พิการและเด็กด้อยโอกาส จะมีคณะกรรมการดำเนินการอยู่ ซึ่งส่วนนี้อาจจะต้องมีการจ่ายเงินสดให้กับผู้ปกครองไปดูแล เป็นงบประมาณจากกระทรวงศึกษาที่ดูแลนักเรียนประจำหรือไป-กลับ