posttoday

ศาล เผย สถิติฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1-15 พ.ค.กว่า 8,000 คดี

16 พฤษภาคม 2563

"เลขาฯ ศาลยุติธรรม" เผย ยอดคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ช่วง พ.ค. ยังมีทำผิด 12,116 คน เฉลี่ย 599 คดี/วัน กทม.สูงสุด ย้ำขณะนี้รัฐผ่อนปรนเฟส 2 ปชช.ศึกษาให้ดี ต้องเคารพ กม.ไม่ให้ยอดขยับสูง-เคร่งครัดปฏิบัติตามคำแนะนำควบคุมโรค

เมื่อวันที่ 16 พ.ค.63 นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยข้อมูลสถิติคดีความผิดตามพระราชกําหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 , พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 , พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นทั่วประเทศ ว่า ตามรายงานศูนย์ข้อมูลคดี สำนักแผนงานและงบประมาณ สำนักงานศาลยุติธรรม ได้รวบรวมสถิติคดีดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ภายหลังรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว ห้ามบุคคลใดออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. โดยไม่มีความจำเป็น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยภาพรวมสถิติคดีสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 - 15 พ.ค.63 มีจำนวนคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของกลุ่มศาลอาญา ศาลจังหวัด และศาลแขวง ทั้งหมด 8,990 คดี พิพากษาแล้วเสร็จ ทั้งหมด 8,756 คดี คิดเป็นร้อยละ 97.40

สำหรับข้อหาที่มีการกระทำความผิดสูงสุด คือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 12,116 คน โดยจังหวัดที่มีผู้กระทำความผิดสูงสุดในการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คือ กรุงเทพมหานคร จำนวน 964 คน

ขณะที่กลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัวนั้น มีจำนวนคำร้องที่ขอตรวจสอบการจับ รวมทั้งสิ้น 496 คำร้องโดยข้อหาที่เข้าสู่การตรวจสอบจับกุมสูงสุด คือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำนวน 530 คน

นายสราวุธ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวย้ำด้วยว่า ภายหลังจากที่มีการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 เมื่อพิจารณาปริมาณคดีที่เข้าสู่ศาล ตั้งแต่วันที่ 1 - 15 พ.ค.63 มีจำนวนเฉลี่ย 599 คดี/วัน จังหวัดที่ยังพบว่ามีการกระทำผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ สูงสุด คือกรุงเทพมหานคร จำนวน คน 964 คน

ส่วนยอดคดีสะสมเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 3 - 30 เม.ย.63 พบว่า กลุ่มศาลอาญา ศาลจังหวัด และศาลแขวง ปริมาณคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาทั้งหมด รวมทั้งสิ้น 17,466 คดี ปริมาณคดีที่พิพากษาแล้วเสร็จทั้งหมด 17,039 คดี คิดเป็นร้อยละ 97.56 โดยข้อหาที่มีการกระทำความผิดสูงสุด คือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่มีผู้กระทำผิดรวมทั้งหมด จำนวน 23,628 คน รองลงมาคือ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มีผู้กระทำผิดสะสมทั้งหมด 316 คน , พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฯ มีผู้กระทำผิด 38 คน ส่วนจังหวัดที่กระทำความผิดสูงสุดในฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คือกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,829 คน

สำหรับกลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัว ในช่วงเดือน เม.ย.พบว่า จำนวนคำร้องที่ขอตรวจสอบการจับ รวมทั้งสิ้น 1,262 คำร้อง โดยข้อหาที่เข้าสู่การตรวจสอบจับกุมสูงสุด คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำนวน 1,360 คน

เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้มีมาตรการผ่อนปรนให้กิจการบางประเภทเปิดทำการเพิ่มเติมได้ (ผ่อนปรนเฟส 2) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้างสรรพสินค้า , ร้านค้าปลีก , ร้านค้าส่งขนาดใหญ่และร้านอาหาร , สถานที่ออกกำลังกาย ให้เปิดใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.63 โดยให้มีมาตรการป้องกันโรค ฯ รวมทั้งได้มีการปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็น 23.00 - 04.00 น. นั้น ขอให้พี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการ ศึกษาข้อกำหนดของมาตรการการผ่อนปรนอย่างละเอียด เคารพกฎหมายและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้ยอดสถิติคดีสูงขึ้น

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่าศาลจะคำนึงถึงสถานการณ์ความปลอดภัยสาธารณะในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ละเลยสิทธิและเสรีภาพของจำเลย โดยได้นำข้อแนะนำแนวปฏิบัติช่วง COVID-19 ระบาด ของนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา มาปรับใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งจำเลยเข้าไปรับโทษกักขังในสถานที่กักขังหรือจำคุกในเรือนจำ เพราะเป็นการเสี่ยงที่จำเลยจะเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสไปแพร่ระบาดในสถานที่กักขังหรือเรือนจำ ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อระบบสาธารณสุขโดยรวมของประเทศ จึงเห็นควรที่ศาลจะพิจารณานำมาตรการที่มีอยู่หลากหลายในประมวลกฎหมายอาญามาใช้แทน