posttoday

หวั่นคดีข่มขืนนร.พลิก! ยธ.ประสานอัยการใช้อำนาจพิเศษสอบพยานล่วงหน้า

12 พฤษภาคม 2563

รมว.ยุติธรรมประสานอัยการใช้อำนาจพิเศษสอบพยานล่วงหน้าคดีแก๊งครูข่มขืนเด็ก หวั่นคดีพลิกเกิดการยอมความ "ทิชา" ลั่นผู้ใหญ่ก่อเหตุกับเด็กต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 63 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม (ยธ.) รับหนังสือจาก นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก และนายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว เรียกร้องให้ช่วยเหลือครอบครัวของนักเรียนหญิง ผู้เสียหายที่ถูกครู 5 คนและรุ่นพี่ 2 คน ข่มขืนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยาน เนื่องจากขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดได้รับการประกันตัวทำให้เป็นห่วงว่าผู้เสียหายและครอบครัวอาจจะถูกข่มขู่คุกคาม เอาชีวิตและส่งผลเสียหายต่อรูปคดี

นอกจากนี้เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ก่อเหตุจำนวนมากและมีการกระทำกันเป็นขบวนการมายาวนานหลายปีและอาจมีอิทธิพลอำนาจแฝงเข้ามาเกี่ยวข้อง

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากหารือกับมูลนิธิเด็กและเยาวชนแล้วมีความเห็นตรงกันว่าจำเป็นจะต้องเร่งเข้าไปให้การความช่วยเหลือเยียวยาจิตใจของเด็กที่ถูกกระทำโดยเร็ว ซึ่งในวันที่ 13พ.ค.63 นางทิชาจะเดินทางไปจ.มุกดาหาร เพื่อประสานเรื่องคดี เนื่องจากการสืบสวนคดีทั่วไปมักจะใช้เวลานานประมาณ3เดือน และต้องส่งให้อัยการพิจารณาอีกประมาณ3เดือน คดีจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการไต่สวนที่ศาล ดังนั้นจึงต้องเร่งรัดขอให้พนักงานสอบสวนประสานกับอัยการจังหวัดมุกดาหารสืบพยานไว้ก่อนฟ้อง ซึ่งเป็นอำนาจพิเศษของอัยการตามประมวลกฎหมายป.อาญามาตรา 237 ทวิ

"กรณีนี้ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น เนื่องจากจำเลยมีอิทธิพลต่อโจทย์ในการข่มขู่ เป็นครูอาจารย์ ส่งผลกระทบกระเทือนจิตใจผู้เสียหาย และหากปล่อยเวลานานไปเด็กอาจไม่อยากไปให้ปากคำ ดังนั้นจึงจะเร่งประสานให้พนักงานสอบสวนประสานไปยังอัยการจังหวัดมุกดาหารเพื่อเร่งดำเนินการโดยเร็ว"

"เหตุผลสำคัญที่ใช้ในการขอใช้กฎหมายพิเศษ คือในช่วงเวลานี้ ผู้เสียหายยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แม่นยำ รวมทั้งร่องรอยการกระทำผิดจะชี้ชัดให้เห็นถึงพฤติการณ์ทำให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงได้มากที่สุด หากทำได้เร็วก็จะไม่มีเหตุแทรกซ้อน เช่น มีการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ยอมความหรือทำให้คดีพลิก"รมว.ยุติธรรมกล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่า หากผู้กระทำผิดเห็นหลักฐานจากการไต่สวนพยานล่วงหน้าแล้ว อาจทำให้รับสารภาพได้ ซึ่งคดีประเภทนี้ไม่อยากให้จบลงด้วยการเจรจายอมความ ผู้เสียหายเป็นเด็กและเยาวชนซึ่งไม่ควรถูกกระทำในลักษณะนี้

ด้านนางทิชา กล่าวว่า ตนจะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหารในวันพรุ่งนี้ เพื่อพูดคุยกับเด็กและครอบครัว ที่ตกเป็นเหยื่อ ส่วนตัวเห็นว่าเด็กที่ถูกละเมิดทางเพศมาอย่างยาวนาน จะมีความบอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจและรู้สึกด้อยค่าและไม่ได้รับ ความเป็นธรรม หากปล่อยให้เข้าสู่กระบวนการตัดยุติธรรมตามปกติยิ่งเป็นการซ้ำเติม เหมือนกับถูกละเมิดซ้ำอีกครั้ง

ดังนั้นหน่วยงานต้องเข้าไปช่วยเหลือให้เด็กรู้สึกได้รับความปลอดภัย มีความรู้สึกที่เข้มแข็งจนนำไปสู่การให้ข้อมูลหลักฐานที่หนักแน่นสามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้และเข้าถึงความเป็นธรรมให้เร็วที่สุด

ส่วนเรื่องการคุ้มครองพยานไม่อยากให้มีการคุ้มครองเฉพาะช่วงที่เป็นข่าวเท่านั้น แต่อยากให้ดูแลจนเด็กสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและกลับไปเรียนหนังสือได้ตามเดิม

“เด็กที่ถูกกระทำไม่ใช่เด็กเลวแต่เป็นเหยื่อของพวกผู้ใหญ่ อยากทำให้ผู้ใหญ่เหล่านี้ถูกลงโทษตามกฏหมายเช่นเดียวกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับคดีค้ากามเด็กสาวที่บ้านน้ำเพียงดิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งคดีนี้ผู้ต้องหาถูกตัดสินจำคุก 300 ปี”นางทิชา กล่าว