posttoday

ศบค.ห่วงโควิดแพร่ครัวเรือนเตือนเลี่ยงสังสรรค์สงกรานต์

11 เมษายน 2563

โฆษกศบค. เผย สถิติ 7 วัน กลุ่มสัมผัสใกล้ชิดยังติดเชื้อโควิด-19กันสูง มาจากครอบครัวสูงสุด 56% สถานที่ทำงาน 23% ย้ำสงกรานต์ต้องเลี่ยงรวมตัวสังสรรค์ ยันไม่หมกเม็ดตัวเลขผู้ป่วยไปรวมไข้หวัดใหญ่ แจงเหตุไข้หวัดใหญ่ป่วยลดลง มาจากอานิสงส์มาตรการป้องกัน

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า จากการวิเคราะห์จำนวนผู้ป่วยวันที่ 4-10 เม.ย. พบผู้ป่วย 495 ราย โดย 144 ราย เป็นกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ คิดเป็น 29% กลุ่มใหญ่สุด คือ 1.ครอบครัว 81 ราย หรือ 56% โดยคนป่วยที่ใกล้ชิดมากสุด คือ สามีภรรยา 35 ราย บิดา มารดา 20 ราย ญาติอื่นๆ อาศัยร่วมบ้าน 17 ราย บุตร 9 ราย 2.กลุ่มสถานที่ทำงาน 33 ราย หรือ 23% เป็นเพื่อนร่วมงาน 22 ราย โดยเป็นพนักงานบริษัท 27% ผู้บังคับบัญชา 6 ราย ผู้มารับบริการติดต่อประสานงาน 5 ราย 3.กิจกรรมรวมกลุ่ม 26 ราย 18% คือ การพบปะเพื่อน/คนรู้จัก ส่วนใหญ่รับประทานอาหารดื่มเครื่องดื่มร่วมกัน ดังนั้น ช่วงสงกรานต์นี้จะมีการกลับไปอยู่ที่บ้านนั่งพูดคุยกัน ดื่มกันตรงนี้มีโอกาสติดโรคได้ทันที และ 4.กลุ่มอื่นๆ 4 ราย 3% เช่น สัมผัสร่วมยานพาหนะ 2 ราย สัมผัสในชุมชน 2 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากกรณีที่มีคนพูดว่ามีการนำตัวเลขของผู้ป่วยโควิด-19 ไปรวมกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ขอชี้แจงว่าไม่ได้มีการนำไปรวมกัน ซึ่งดูได้จากตัวเลขผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สะสมตั้งแต่ต้นปีที่มีจำนวนน้อยลงเช่นกัน โดยผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในเดือน ม.ค. 63 มีประมาณ 50,000 ราย เดือน ก.พ. ประมาณ 32,000 ราย และเดือนมี.ค. ประมาณ 10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าในปี 2562 โดยสาเหตุที่จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในปีนี้ลดน้อยลงมาจากอานิสงส์ของโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนหันมาดูแลตัวเองและใส่หน้ากากอนามัยมากขึ้น

ศบค.ห่วงโควิดแพร่ครัวเรือนเตือนเลี่ยงสังสรรค์สงกรานต์